ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ครอบครัวไม่อบอุ่น ตกงาน หาที่เรียนต่อไม่ได้
รายละเอียด
ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดีครับ แล้วรู้สึกแปลกๆที่ไม่อยากเล่นปรึกษาปัญหานี้กับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ น้อง เพื่อนสนิท หรือแฟน ผมอายุจะ26ปีแล้ว วางแผนในการเตรียมตัวเรียนต่อมาประมาณ 4-5 เดือนในระหว่างทำงาน ซึ่งผมออกจากงานวันที่ 31 มกราคมปีนี้(ผมทำงานที่กรุงเทพมาปีนึงครับ) เพื่อเตรียมตัวสอบเข้าปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่ปรากฏว่า ทางคณะปรับปรุงหลักสูตรไม่ทัน ทำให้ต้องเลื่อนการสอบเข้าออกไปโดยระบุวันไม่ได้ภายในปีนี้ ซึ่งเลยทำให้กลายเป็นคนตกงานแล้วไม่มีที่เรียนโดยสมบูรณ์ณ.เวลานี้ จึงต้องอยู่บ้านไปเรื่อยๆโดยการรอคำตอบจากคณะมาตลอด 3 เดือน ในระหว่างนั้นผมได้เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เพื่อชดเชยข้อด้อยของการสื่อสาร แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นครับ ในระหว่างที่เรียนอังกฤษ (ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่หมดคอร์ส) ผมไม่สามารถไปเรียนเองกลับบ้านเองได้เลย ทั้งๆที่ตลอดเวลา 8 ปี นับตั้งแต่เข้าเรียนป.ตรี ผมไปไหนเองมาไหนเองตลอด ไม่ว่าจะเวลาไหนตอนไหน และถึงแม้จะไปกินเหล้า ก็ยังสามารถดูแลตัวเอง ให้กลับถึงหอ แล้วไปทำงานหรือเรียนได้ในวันรุ่งขึ้น โดยไม่บกพร่องต่อหน้าที่เลย ผมสามารถที่จะไปไหนมาไหน โดยที่ไม่ต้องมาขออนุญาตใคร แต่พอกลับมาถึงบ้าน ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 เดือน อิสระสิ่งนี้ได้หมดไป และกลับกลายเป็นเด็กน้อยอายุ 15-18 เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะไปไหนก็ต้องขออนุญาตและรายงานเวลากลับให้ชัดเจน เสนอความคิดเห็นก็ไม่มีใครสนใจ จะพูดอะไรก็หาว่าไม่มีความคิดหรือความคิดเด็กน้อย ซึ่งด้วยภาวะที่เป็นคนว่างงานรุมเร้าให้เกิดความเครียดสะสมอยู่แล้ว ยังมาเจอกับชีวิตที่จำกัดขอบเขตทางความคิดอีก ผมจึงรู้สึกว่าเวลาจะคิดอะไร ผมต้องคิดคนเดียวทำคนเดียวอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่คิด ก็มีความอึดอึดและสงสัยในความคิดของตัวเองว่า เราคิดถูกมั้ย เราพลาดอะไรไปมั้ย เราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
ความต้องการ
อยากจัดการกับความคิดให้ดีกว่านี้ อยากระบายความกดดันความเครียดตรงนี้ออกไป พยายามทำสมาธิแล้วไม่ได้ผม ไม่กล้ายปรึกษาเรื่องนี้กับคนรอบข้าง ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันครับ แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดี หากมีคำแนะนำดีๆ รบกวนชี้แนะด้วยนะครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ
ชื่อผู้ถาม
Ik
วันที่เขียน
23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 23:38:31
จำนวนคนเข้าดู
1885

คำตอบ

คำตอบที่ 1
อายุยังน้อยอยู่ ชีวิตยังงดงามและไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด ต้องชื่นชม 1. อย่าถือตัวว่า เราเก่ง เราโต เราเป็นผู้ใหญ่ เมื่อมาอยู่กับพ่อแม่ เราก็คือลูกน้อยของเขานั่นเอง เขาห่วงใย แค่เราบอกให้เขารู้ว่า เราจะไปไหน กับใคร ไปทำอะไร จะกลับเวลาไหน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเลย พ่อแม่เขาเป็นห่วง แต่หากเราถือตัว เราจะคิดว่า พ่อแม่คิดว่าเราเป็นเด็ก ดูแลตัวเองไม่ได้ จึงต้องมารายงาน ประสบการณ์ชีวิตและอายุของพ่อแม่ บอกพวกเขาว่า อะไรอันตราย อะไรปลอดภัย เขาไม่อยากให้เกิดอันตรายกับลูกของเขาไม่ว่ากรณีและเวลาใด ๆ 2. เรื่องการเรียน ก็เตรียมการไป วางแผน ดูข้อมูลไป ฝึกซ้อมเตรียมการไปตามปกติ แต่ทั้งหมดในการเรียนของคนทั่วไป เป้าหมายจะอยู่ที่ เรียนเพื่อเอาไปประกอบอาชีพ เพื่อหาเงินหารายได้ ระหว่างนี้ ระหว่างที่รอเรียน (ถ้ายังมุ่งมั่นในหลักสูตรวิชานั้นของมหาวิทยาลัยนั้น) หากเรามีความคิดจะหารายได้ และคิดว่าเป็นไปได้ ก็ควรทำควรสร้างผลงานหารายได้ไปก่อนได้ บางทีเมื่อมีรายได้มาก ๆ เข้าจากงานสร้างสรรค์ของเราเอง การเรียนอาจมีความจำเป็นน้อยลงก็ได้ ยกเว้นแต่อยากเรียนเพื่อเอาความรู้หรือเอาวุฒิไว้ประดับบารมี ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย 3. ลาพ่อแม่ไปปฏิบัติธรรมแบบเข้มข้นสัก 7 วัน จะทำให้เรามีความคิดที่ชัดเจนและจัดระเบียบตัวเองได้ดี ว่างอยู่แบบนี้ น่าไปมากเลย ลองติดต่อไปนี้ เงียบ สงบ พระอาจารย์เก่ง มีห้องพักเป็นสัดส่วน http://3pidok.com/main.php?url=news_view&id=8&cat=C
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 10:10:06
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร