"ทำไมชีวิตฉันแย่จัง
ทำอะไรก็ล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ
มีแฟน ก็ทะเลาะวิวาท และเลิก หย่ากันไป
ทำงานอะไรก็ไม่สำเร็จ มีแต่คนตำหนิ คนด่า คนนินทา
เพื่อนร่วมงานก็ไม่หวังดี หัวหน้าก็ไม่เข้าข้างเรา
ทรัพย์สินเงินทองที่เคยมีก็หายหมด
เงินก็ไม่มี ทองก็ไม่มี
ลูกก็ไม่ได้ดั่งใจ
ญาติพี่น้องก็ไม่สนใจ ไม่ช่วยเหลืออะไร
หวังพึ่งใครก็ไม่ได้
เพื่อน ๆ ก็หายหน้าไปหมด จะขอหยิบยืมบ้าง ก็ไม่มีใครช่วยได้
จะบ่ายหน้าหาใครก็ไม่ได้
ไม่มีใคร ไม่เหลือใคร
เจ้าหนี้ก็ตามแล้วตามอีก ขู่แล้วขู่อีก
เงินค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเช่าห้องพักยังไม่มีเลย
วิ่งแล้ววิ่งอีก
งานที่ทำอยู่ ก็ได้เงินน้อยมาก ไม่พอกิน ไม่พอใช้
ลองซื้อหวย ซื้อลอตเตอรี่กับเขาดูบ้าง ก็ไม่ถูกอะไรสักที
ดวงไม่ดีเอาเสียเลย
สะเดาะเคราะห์ก็แล้ว เสริมดวงชะตาก็แล้ว
แก้ปีชงก็แล้ว ปล่อยนกปล่อยปลาก็แล้ว
อาบน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ แก้เคล็ดลงนอนโลง ก็ทำแล้ว
ไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไร
บุญทาน ก็เคยทำมาบ่อย ๆ
วัดก็เคยไปบ่อย ไปไหว้พระ สวดมนต์ ถวายสังฆทาน
กฐินผ้าป้า ก็เคยใส่ซองทำบุญบ่อย ๆ
ทำไมไม่มีผลอะไร ไม่มีอานิสงส์ ไม่เห็นว่าบุญจะช่วยอะไรเลย
เทวดา พรหม พญานาค หรือเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ไหน
ไม่เห็นมาช่วยอะไรเลย
ชีวิตลำบากสาหัสแทบตาย
ไม่มีใครช่วยได้เลย
ค้าขายออนไลน์ ก็เคยทำแล้ว ก็ขายไม่ได้สักที
ที่ได้มา ก็ไม่พอค่าใช้จ่าย
เล่นพนันออนไลน์ ก็หมดตัว ซื้อขายคริปโตก็ติดดอย
มีแต่เสียกับเสีย ได้ไม่คุ้มเสีย
เล่นพนันบอล ก็ไม่ได้กำไร
ทำไมชีวิตฉันแย่อย่างนี้
มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของฉันแบบนี้
ยังไม่พอ ถูกแก้งค์คอลเซ็นเตอร์ โทรมาก่อกวนให้ปวดประสาทอีก
ไม่รู้อะไรนักหนา มันไม่รู้หรือไงว่า ชีวิตฉันแย่ ไม่มีเงินเลย
บางครั้งก็อยากทำผิดกฎหมาย อยากค้ายา อยากค้าประเวณีเหมือนกัน
เผื่อจะรวยเร็ว ๆ มีเงินไว ๆ มีเงินมาก ๆ ไปเคลียร์หนี้สินกับเขาบ้าง
แต่ใจก็ยังเตือนตัวเองอยู่ว่า ไม่อยากทำผิดกฎหมาย จะไม่ทำผิดศีล และจะไม่ทำอะไรที่ผิดธรรม
ยังรู้สึกคิดถึงพ่อแม่ ละอายพ่อแม่ถ้าหาจะไปทำสิ่งที่ผิด ๆ แบบนั้น
ทำไมชีวิตฉันแย่อย่างนี้
มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของฉัน
ดูสิ หน้าหมอง หน้าเศร้า ไม่มีรอยยิ้ม หมดราศรี
ใคร ๆ ก็ไม่อยากคบหา
เพราะเขากลัวจะถูกยืมเงิน
ทำไมชีวิตฉันแย่อย่างนี้
เป็นเวรเป็นกรรมอะไรแบบนี้"
--------
ในความรู้สึก และความคิดของหลาย ๆ คน ณ ปัจจุบันนี้ อาจจะเป็นแบบนี้
ถ้าเรารู้สึกและคิดแบบข้างบนนี้ เราไม่ใช่คนแปลกประหลาดอะไร เราก็เหมือนกับคนจำนวนมากในประเทศนี้นั่นเอง
แต่คุณรู้ไหมว่า
การเอาแต่คิด ๆ การมัวแต่รู้สึก และมุ่งหวังพึ่งคนอื่นมาช่วย หวังพึ่งสิ่งภายนอกมาดลบรรดาลให้ตัวเราเองได้สิ่งที่เราต้องการนั้น เป็นสิ่งที่ผิดพลาดและเสียเวลาเปล่า
เราต้องตั้งหลักใหม่ คือ
"ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเรา มันต้องมีเหตุ มีปัจจัยให้เกิดขึ้น
เราจะแก้ปัญหาได้ ก็ต่อเมื่อเราจัดการเหตุ จัดการปัจจัยได้
แยกทีละปัญหาออกมา เราจะพบว่า มีเหตุและปัจจัยบางอย่างที่เราต้องจัดการและจัดการได้ และบางเหตุบางปัจจัย เราจัดการไม่ได้ด้วยตัวเอง นี่แหละคือจุดจะทำให้เราล้มเหลว หรือประสบความสำเร็จ
เราจะจัดการปัญหาได้ดี ถ้าตัวเรามีสติ มีสมาธิ มีความขยัน มีความอดทน และมีความรู้ดี
ถ้าเขาขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งพวกนี้ (สติ สมาธิ ขยัน อดทน และความรู้) เราต้องเติมมันเข้ามา
แน่นอน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตของเรา
สติ สมาธิ ขยัน อดทน และความรู้ จะเกิดขึ้นเองไม่ได้ ถ้าเราไม่ฝึกจิตของเรา
ทำอย่างไรดีล่ะ
เราจะมีสติดีขึ้นกว่าเดิม ละเอียด รอบคอบ และระมัดระวังทุกการคิด การพูด และการทำของเรา
ทำอย่างไรดีล่ะ
เราจะมีสมาธิดีขึ้นกว่าเดิม ไม่เป็นแบบไฟไหม้ฟาง วูบวาบ ไม่วอกแวก ไม่หยิบ ๆ เหยาะๆ ในทุกการคิด การพูด และการทำของเรา
ทำอย่างไรดีล่ะ
เราจะมีความขยันดีขึ้นกว่าเดิม ไม่เกียจคร้าน ไม่ผลัดวันผลัดคืน ไม่นอนรอสิ่งอื่น ใครอื่นมาช่วย ในทุกการคิด การพูด และการทำของเรา
ทำอย่างไรดีล่ะ
เราจะมีความอดทนดีขึ้นกว่าเดิม ทนลำบาก อดหลับอดนอน ได้ ทนตรากตรำ ทนเสียงคนด่า คนว่า คนนินทา ทนกับสิ่งยั่วยุเรา ทนความอับอายในการทำงานทำอาชีพ และในทุกการคิด การพูด และการทำของเรา
ทำอย่างไรดีล่ะ
เราจะมีความรู้ (ปัญญา) ดีขึ้นกว่าเดิม รู้ละเอียด รู้สึก รู้จริงในสิ่งที่เราทำ และการพูด การคิดของเรา
ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้เสมอ
และคุณสมบัติของจิตเรานี้แหละจะชักนำให้เราล้มเหลว หรือประสบความสำเร็จ ดังนั้น การฝึกจิตให้ดี จะเป็นสิ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จ
ฝึกให้จิตมีสติ มีสมาธิ มีความขยัน มีความอดทน และมีความรู้
ฝึกอย่างไร
ฝึกตามนี้คือ ฟังซ้ำ ๆ ทุกวัน ๆ (เบื่อก็อดทนฟัง ฟังจนชนะความเบื่อ) ต่อเนื่องไปอย่างน้อย 9 เดือน
เมื่อฟังแล้วก็ทำความสะอาดบ้าน ทำห้องพักให้สะอาด เก็บกวาดบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้โปร่ง โล่ง ให้อากาศถ่ายเทดี
ปิดเครื่องมือสื่อสาร แล้วฝึกนั่งตามวิธีที่เราฟังมาสัก 30 นาที และฝึกเดินตามวิธีที่เราฟังมาอีก 30 นาที สลับกันไปมาทุกวัน
ฝึกทำแบบนี้ต่อเนื่องไป 9 เดือนเป็นอย่างน้อย (เน้นว่า ต้อง 9 เดือน ถ้าทำ ๆ หยุด ไม่ต่อเนื่องถึง 9 เดือน ไม่เกิดผล)
จิตของเราจะมีพลังมาก เมื่อจิตมีพลังมาก ก็เหมาะที่จะใช้จิตเรานี้ไปจัดการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เรากำลังพบเจออยู่ และจิตของเรานี้จะสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ต่าง ๆ ให้เราด้วย
ไม่รีรอ ไม่ชักช้า
ไม่มีข้ออ้างอะไรแล้ว
ลงมือทำเลย
ฟังตามนี้
https://www.3pidok.com/index.php?url=vdo_view&id=10
สายด่วนชาวพุทธ
www.buddhisthotline.com