ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เรื่องพ่อแม่
รายละเอียด
หนูเป็นคนต่างจังหวัด ที่บ้านทำไร่ ทำสวน และได้มาทำงานอยู่กรุงเทพจนถึงตอนนี้ก็10 กว่านี้ปีแล้ว ตั้งแต่อายุ 22 บอกตรงๆว่ารายได้มีไม่มาก แค่พออยู่พอกินไม่มีเงินเก็บเป็นก้อนใหญ่ๆเลยคะ การที่มาอยู่กรุงเทพตัวคนเดียว บางครั้งก็เหงา ต้องคิดต้องตัดสินใจเองทุกอย่าง ถึงแม้จะมีเพื่อนแต่ก็มีความสุขบ้างเป็นครั้งคราว ในใจลึกๆคิดว่ามาอยู่นานแล้ว ด้วยความสามารถในด้านงานไม่ได้มีมาก เงินเดือนจึงได้ไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่สามารถให้เงินแม่ได้ครั้งละเยอะๆ นานๆให้ที เพราะค่าครองชีพสูง ถึงแม้หนูจะประหยัดมากที่สุดก็ตาม บางครั้งต้องอดมื้อกินมื้อ อยากจะได้อะไรต้องคิดแล้วคิดอีก เงินเก็บก็ไม่มีเท่าไหร่ หนูก็เลยคิดที่จะกลับไปอยู่บ้าน อยากอยู่กับพ่อ กับแม่ เพราะตลอดเวลาที่อยู่กรุงเทพ กลับบ้านปีละครั้งด้วยหน้าที่การงาน หยุดได้แค่3-4 วันเท่านั้น ที่บ้านตอนนี้เปิดร้านขายของชำ พ่อกับแม่อยู่กัน2คน หนูมีน้องชาย2คน ซึ่งมีครอบครัวแล้วคนนึง แม่เปิดร้านขายของให้น้องที่บ้านใกล้ๆบ้านแม่ ส่วนน้องอีกคนกำลังเรียนอยู่ ใกล้จบแล้ว บอกตรงๆฐานะทางบ้านแม่ก็ถือว่าดี ไม่ได้ลำบากเท่าไหร่ หนูก็เลยขอแม่กลับมาอยู่บ้านจะให้ทำไร่ ทำสวน หรือขายของก็ได้ อยากอยู่กับครอบครัวเหมือนแม่ก่อน อยากกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ น้องๆ อยากดูทีวีด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน อยากอยู่ดูแลพ่อแม่ เพราะไม่รู้ว่าท่านจะอยู่กับเราได้อีกนานเท่าไหร่ และหนู่ไม่รู้ว่าชีวิตของหนูจะอยู่รอดกลับไปบ้านทุกปีหรือไม่ แต่พอแม่รู้ ว่าจะย้ายมาอยู่บ้าน แม่ก็บอกว่า ให้หาเงิน เก็บเงินให้ได้เยอะๆก่อน ประมานหลายๆแสน ตอนนี้ยังไม่เห็นจะมีเท่าไหร่เลย บอกว่าอยู่กรุงเทพก็นานทำไมเก็บเงินได้น้อย คนอื่นๆเขายังมีมากกว่านี้เลย แม่บอกว่ายังไม่ต้องกลับหรอก อยู่ไปก่อน หนูรู้สึกน้อยใจ เสียใจ ที่ไม่ได้เป็นดังที่หวังไว้ ต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน กว่าจะได้เก็บเงินได้เยอะๆ ซึ่งเงินเดือนน้อยอย่างนี้ จะเก็บเงินให้ได้เยอะๆต้องรออีกหลายปี ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ แต่ใจมันไม่สู้แล้ว มันท้อแท้ หมดหวัง คิดว่าท่านไม่รักเราหรือ ไม่อยากจะอยู่เห็นหน้าเราทุกวันหรือ นานๆจะได้กลับบ้านที แค่ได้โทรศัพท์คุยกัน มันก็แค่นั้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปี54 ตอนนี้ก็อยู่ที่กรุงเทพอยู่เหมือนเดิม แต่ในใจรู้สึกเคว้งคว้างมาก แต่ก็เข้าใจว่าแม่คงอยากให้เราได้ดี แต่หนู่ก็ไม่อยากจะได้เงินเยอะๆตามที่แม่บอกตรงไหนเลย มันไม่มีความสุขเลย .. พอปลายปี55 หนูก็เลยมีความคิดอยากจะเปิดร้านขายของที่กรุงเทพกับเพื่อนๆ ซึ่งหนูคิดว่า เป็นลูกจ้างเขาไม่ได้เงินเยอะ เครียดกับงาน เป็นทุกข์กับงานด้วย ก็เลยลองมาทำธุรกิจดู อาจจะดีก็ได้ เพราะหนูก็เคยขายของมา จะได้มีเงินเก็บเยอะๆ จะได้กลับไปอยู่บ้านซักที จะเปิดร้านมันต้องใช้เงินทุนด้วย หนูก็เลยนำเงินเก็บบางส่วนของหนู ก็ยังน้อยไป มีไม่กี่พัน หนูก็เลยยืมเงินแม่ดู แต่แม่บอกว่า อยากได้เงินก็ต้องหาเอาเอง แม่พูดว่าเงินแม่ แม่หามาได้ แม่ก็ต้องใช้เอง หนูเสียใจมาก ตลอดมาที่อยู่กรุงเทพไม่เคยขอเงินแม่เลยซักครั้ง ซึ่งเงินที่จะเอามานี้ก็นำมาเป็นทุนเพื่ออนาคต ไม่ได้เอามาทำอะไรเสียหายซักหน่อย เปรียบเทียบกับลูกคนอื่น ทำไมไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย อยากกลับบ้านก็ยังไม่ได้ ขอยืมเงินก็ยังไม่ได้ มาถึง ตอนนี้รู้สึกเครียดมาก นอนก็ฝันร้ายทุกคืนนึกถึงแต่คำพูดของแม่ตลอด มันไม่ลืมเลย คิดอยู่ในหัวตลอดเวลา น้อยใจสารพัด เมื่อเปรียบเทียบกับน้อง เหมือนแม่ไม่รัก ไม่แคร์เราเลย ตอนที่หนูพูดเรื่องนี้ แม่ก็พูดห้วนๆกับหนู เหมือนจะโกรธหนูด้วย หนูรู้สึกได้ อยากบอกว่าแม่คิดยังไง พ่อก็คิดยังงั้น
ความต้องการ
ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าเล่ายาวไป พอดีตอนที่พิมพ์รู้สึกไม่ค่อยมีสมาธิ อาจจะเขียนวกไปวนมา หนูอยากจะปรึกษา อย่างนี้ก็คงแก้อะไรไม่ได้แล้ว จะทำยังไงดีคะ พยายามๆไม่คิดมาก ไมนึกถึง แต่บางครั้งก็เผลอคิดอีก มันเหมือนหายใจไม่ออก ใจหวิวๆ เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ จะทำยังไงดีคะ ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าคะ
ชื่อผู้ถาม
ปุยปุย
วันที่เขียน
23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 16:01:24
จำนวนคนเข้าดู
1915

คำตอบ

คำตอบที่ 1
จริง ๆ เมื่อเราโตขึ้นแล้ว อะไรก็เปลี่ยนแปลงไป อย่าคาดหวังว่า บรรยากาศที่เราเคยได้รับเมื่อครั้งก่อน จะเป็นอยู่อย่างนั้น สภาพสังคมก็เปลี่ยนไป สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป แม่อยากให้เราสู้และหาด้วยตนเอง ไม่ใช่ไม่รัก เมื่อเห็นว่าลูกพึ่งพาตัวเองได้แล้ว ก็ควรเดินหน้าไป อย่าคิดน้อยใจเลย ทุกชีวิตก็ต้องแบบนี้ จะให้พ่อแม่เลี้ยงจนเราแก่เฒ่านั้น เป็นไปไม่ได้ เด็กฝรั่งจำนวนมาก เพียงอายุ 16-17 ก็ออกจากบ้านไปช่วยเหลือตนเองแล้ว ให้รับผิดชอบตนเอง คงต้องอดทนและหาลู่ทางทำเงินใหม่ ๆ เริ่มต้นจากเล็ก ๆ ไม่ต้องใช้เงินมาก งานที่ไม่ใช้เงินมากคืองานที่เราสร้างขึ้นได้เอง งานฝีมือ ซึ่งไม่มีใครเป็นมาแต่เกิดหรอก อยากทำอะไรเป็นก็ต้องฝึกต้องเรียนทั้งนั้น งานถักตุ๊กตาของชำร่วย งานทำขนม แม้แต่การเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ช่างเสริมสวย เป็นงานฝีมือและอยู่ติดตัวกับเรา ลองมองดูตัวเองว่า จะเริ่มทำอะไรดี อย่าไปตั้งเงื่อนไขว่า ไม่เป็นไม่ถนัด ทำไม่ได้ ให้ลองดูก่อน คนอื่น ๆ เขายังทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ให้ลองดูก่อน ไม่ท้อถอย ทำต่อเนื่องไปสัก 2-3 ปี ก็จะประสบความสำเร็จเข้าสักวัน เลิกน้อยอกน้อยใจ ทำตัวเราเองให้เป็นที่พึ่ง ไม่ต้องไปตั้งความหวังพึ่งใคร ไม่ต้องไปพึ่งดวงชะตา หมอดูหมอเดา เสี่ยงโชคเสี่ยงทาย ให้คิดว่า ทุกความสำเร็จล้วนแต่มาจากความทุ่มเทเอาจริงเอาจังทั้่งนั้น ทำอะไรเหลาะแหละ ๆ ไม่มีทางสำเร็จไม่ว่าเรื่องอะไร
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 20:42:01
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร