ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เป็นเหมือนส่วนเกินของครอบครัว ที่สร้างแต่ปัญหา
รายละเอียด
แต่ก่อนตอนยังไม่มีครอบครัวก็ยังพอปกติสุขอยู่บ้าง แต่พอตัวเองเลือกที่จะมีครอบครัว โดยที่ไม่แต่งงานแต่อยู่ด้วยกันก่อน พ่อซึ่งเป็นคนหัวโบราณ ก็ผิดหวังและเสียใจ แต่ดิฉันเองกลับคิดว่าเอาเงินที่จะแต่งไปกินไปใช้ดีกว่า ไม่ได้แต่งก็ไม่น่าใช่ประเด็นใหญ่การอยู่ด้วยกัน ช่วยกันสร้างครอบครัวสิ น่าจะสำคัญกว่า แต่ดิฉันคิดผิด เพราะมันกลายเป็นปมในใจอันใหญ่หลวงของพ่อ ที่ไม่เคยให้อภัยดิฉันเลย แม้ปากจะว่าอภัยให้ แต่พอพูดกันผิดหู พ่อก็จะว่าฉันเลว เนรคุณ สันดานเลวฯลฯ สุดแต่อารมณ์พ่อจะพาไป พ่อจะด่าว่าทันที ที่รู้ว่าแม่เสียใจ ซึ่งบางครั้งฉันตกใจกับความอ่อนไหวของแม่ ที่ผ่านมาฉันทำดีมาตลอด ไม่เกเร เหลวไหล ทำงานบ้านช่วยตลอด ไม่เคยขอเงินเรียนพิเศษ ไม่เคยร้องขอของฟุ่มเฟือย ทำงานด้วยเรียนด้วย ไม่สอบเข้ามหาลัยรัฐบาล เพราะฉันรู้ว่าจะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง ทนเรียนรามฯด้วยความภูมิใจ และจบภายใน4ปี ฉันทำงานบ้านได้ทุกอย่าง แบ่งเบาท่านได้ตามอายุที่เติบโต ฉันเรียนจบและไม่ท้องก่อนจบ รักษาเนื้อรักษาตัวอย่างดี จนอายุ25ปี และคิดจะเริ่มมีครอบครัวเอง ด้วยคิดตามแบบคนรุ่นใหม่ และเลือกคู่พลาด 2 เรื่องนี้เอง ในชีวิต จึงทำให้ความคิดของพ่อและแม่ที่มีต่อฉันเปลี่ยนไป ฉันเข้าใจในความรักของพ่อกับแม่ แต่ฉันก็อยากให้ท่านรั และเข้าใจฉันในฐานะลูกด้วยเหมือนกัน แต่ฉันรู้ดี ว่าฉันไม่มีสิทธิ์เรียกร้องเพราะฉันทำลายสิ่งเหล่านัินลงไปเองกับมือ แต่ฉันอยากบอกท่านว่า ฉันเป็นลูกของท่านนะ ฉันไม่เคยีเจตนาที่จะทำร้ายท่านแม้แต่วาจา หากท่านรักดิฉันอย่ที่ท่านพูด กรุณาอย่าทำร้ายดิฉัันด้วยการขุดคุ้ยเรื่องในอดีตที่ต่างก็เจ็บปวดด้วยกันทั้งสองฝ่ายเลย อย่าสาปแช่งอนาคตของดิฉันกับลูกเลย เพราะคำพ่อแม่เป็นคำสักสิทธิ์ ดิฉันร้องขอด้วยหัวใจ
ความต้องการ
ดิฉันต้องทำตัวอย่างไรกับเหตุการณ์ที่คนในครอบครัวมองดิฉัน นแง่ลบ และมองลูกดิฉันไม่ต่างจากกาฝาก จะหนีออกจากบ้าน ท่านก็ว่าเป็นการสร้างบาปให้พ่อแท่ทุกข์ใจอพราะดิฉันต้องเอาลูกไปด้วยแน่นอนแต่ถ้าต้องอยู่ก็ต้องเจอคำบ่นแกมสาปแช่ง เช่น กูขอให้ลูกมึงทำกับมึงแบบนี้ หรือ มึงไม่มีทางเจริญหรอก อะไรแบบนี้ ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ
ชื่อผู้ถาม
คนได้ชื่อว่าอกตัญญู
วันที่เขียน
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 01:16:39
จำนวนคนเข้าดู
2397

คำตอบ

คำตอบที่ 1
บางที ก็ต้องเห็นใจท่านเหมือนกัน ท่านก็มีหน้าตาในสังคมและญาติพี่น้อง การแต่งงานมีพิธี (อาจไม่ใหญ่โต ไม่เอิกเหริก) อาจทำให้ท่านรู้สึกว่า ไม่เสียหน้าไม่เสียชื่อเสียง มันคงทำให้ท่านรู้สึกเจ็บใจไม่น้อยและฝังลึกในใจ ซึ่งก็เป็นการยึดติดของท่านเอง และเราจะไปเปลี่ยนให้ท่านมีความคิดแบบเราซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ทันทีเลยก็ไม่ได้ ต้องเข้าใจแบบนี้ อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานานแล้ว ท่านก็คงพยายามแล้วในการอดกลั้นและให้อภัย แต่บางครั้งเวลาโกรธ ไม่ได้ดังใจก็หลุดคำพูดที่ไม่น่าฟังออกมา ทำให้เราอ่อนแรงเหมือนกัน จัดหาดอกมะลิใส่พานยกมาแล้วก้มลงกราบพ่อและแม่ (ในวันแม่ที่จะถึงนี้ก็ดี) เปิดใจสารภาพกับท่านว่า เราเสียใจที่ทำให้ท่านผิดหวังเรื่องแบบนี้ และอยากขอให้พ่อกับแม่อย่าเอาเรื่องนี้มาฉายซ้ำอีก อยากให้ครอบครัวเราอบอุ่นเหมือนเมื่อก่อน ไม่อยากให้เด็กที่ไม่รู้เรื่องต้องมามีปมในใจที่ได้ยินได้ฟังเรื่องแบบนี้ ธรรมดา พ่อแม่ลูก ตัดกันไม่ขาดหรอก ไม่มีใครมาสาปแช่งให้ใครต้องฉิบหายไม่เจริญได้หรอก คนเราจะดีจะเลว จะเจริญไม่เจริญ อยู่ตัวคนนั้น ๆ เอง ไม่เกี่ยวกับว่า จะมีใครคนอื่นมาด่าว่าสาปแช่ง ให้อภัยพ่อแม่เถอะในเรื่องนี้ ให้ถือว่า ให้ท่านได้ระบายอะไรที่มันคั่งค้างออกมาให้หมด เขาจะด่าว่าเราเลว เราทรามอย่างไรก็ปล่อยไป เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราจะหวั่นไหวทำไม ให้ถือว่า คำด่าว่าของพ่อแม่คือสิ่งอันเป็นมงคลก็แล้วกัน ทำใจให้หนักแน่น เลี้ยงดูลูกเราให้ดี ดูแลบ้านเลี้ยงดูพ่อแม่ให้ดีต่อไป ความดีจะชนะทุกสิ่ง กาลเวลาจะพิสูจน์มันเอง อย่าคิดมาก อย่าน้อยใจ อย่าทิ้งพ่อแม่ที่อายุมาแล้วหนีไปที่อื่น พยายามให้สามีเข้าใจหัวอกพ่อแม่เรา และช่วยกันทำงานสร้างฐานะให้เจริญเติบโตมั่นคงต่อไปเถอะ ขอให้ผ่านพ้นอุปสรรคนี้ไปได้ด้วยดี พยายามและอดทนต่อไป
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 01:56:27
คำตอบที่ 2
กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ค่ะ ที่ชี้ทางสว่างให้กับชีวิตดิฉัน ดิฉันจะน้อมเอาคำที่พระอาจารย์สอนมาเป็นหลักในชีวิตค่ะ อย่างน้อยที่สุด ในวันนี้ ดิฉันก็รู้ตัวว่าตัวเองทำดี ไม่มีจิตคิดร้ายกับใคร และจะตั้งหน้าประกอบแต่ความดีและ ประคองตนให้อยู่ในทางธรรมค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
คนได้ชื่อว่าอกตัญญู
วันที่เขียน
4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 12:11:46
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร