ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ชีวิตสับสนของวัยรุ่น
รายละเอียด
นมัสการพระอาจารย์คะ ตอนนี้โยมกำลังมีปันหาชีวิตยุ คือโยมพยามคิดว่าอะไรคือปันหาของโยม ที่ทำให้โยมรู้สึกแย่ รู้สึกไม่สบายใจยุตอนนี้ อยากอธิบายและสรุปให้ท่านอ่านสั้นๆง่ายๆแต่ได้ใจความทั้งหมด แต่ช่วงนี้โยมมีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมดจนเมื่อกี้นั่งพิมออกมาได้ประมาน1กระดาษเอ4เตมๆ นั้นขนาดโยมเล่าเฉพาะใจความสำคันสุดๆแล้วนะคะ แต่มันเยอะมากจิงๆ งั้นโยมขอสรุปง่ายๆนะคะว่าตอนนี้โยมกำลังสับสนกับตัวเอง มีเรื่องให้คิดไม่ตกยุหลายเรื่อง โยมพยามทำชีวิตให้ดีขึ้น ทั้งตั้งใจเรียน ทั้งเลิกเที่ยว เลิกดื่ม เลิกทำอะไรหลายๆอย่างที่คิดว่ามันไม่ดี เลิกกินเนื้อสัตว์ด้วย (เหลือแต่เนื้อปลาที่ยังกินบ้าง) แต่นั้นก้อยังไม่ทำให้โยมพบความสงบ และความสุข โยมเคยเข้าวัด ทำบุน ปฎิบัติธรรม สวดมน นั่งสมาธิ ฟังเทศน์ เคยมีชีวิตที่ดีคือมีความสุขทุกวันที่ตื่น มีจิตใจที่ผ่องใส เบิกบาน แต่ด้วยปันหาที่ค่อยๆถยอยเข้ามาทำให้ทุกวันนี้โยมคิดมาก เครียด และรู้สึกแย่กับเรื่องเลกๆน้อยๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่ว่าเรื่องจะหนักโยมก้อผ่านมันมาได้สบายมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เลยทุกอย่างดูแย่และยากไปหมด ไม่สบายใจ ไม่มีความสงบในใจและสมองเลย ทุกครั้งที่พยามนิ่งกลับมีเรื่องเด้งขึ้นมาในสมองให้คิดยุตลอด ชีวิตเริ่มแย่ จนคนรอบข้างเริ่มรู้สึกว่าเราเปลี่ยนไป ไม่อยากเป็นแบบนี้ อยากกับไปเป็นเหมือนเดิม ท่านพอมีวิธีไหนแนะนำบ้างคะ นมัสการขอบพระคุนค่ะ
ความต้องการ
โยมอยากจัดการเคลียชีวิต เคลียใจ เคลียสมองของโยมให้ได้ เพื่อที่จะได้ไปทำอะไรที่มันมีประโยชน์มากขึ้นทั้งกับตัวเองและผู้อื่น อยากหยุดการคิดเยอะ คิดมากแต่ก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น อยากคิดอะไรที่มันดีและสร้างสรรค์ ซึ่งโยมเคยทำได้แต่ความคิดแบบนั้นมันหายไปไหนก็ไม่รุ อยากเข้าใจโลก เข้าใจชีวิต เข้าใจตัวเอง เข้วใจผู้อื่น และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สนุกกับการมีชีวิตในทุกๆวัน ถ้าโยมทำได้ โยมพร้อมจะนำความรู้และสุขที่ได้จากการเรียนรู้ครั้งนี้ไปแบ่งปันให้กับทุกคน อยากทำให้ชีวิตตัวเอง คนรอบข้างและคนอื่นๆดีขึ้นคะ
ชื่อผู้ถาม
พรปวีณ์
วันที่เขียน
16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 18:39:03
จำนวนคนเข้าดู
1967

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ให้คิดแบบนี้ 1. เราไม่ต้องดีไม่ต้องเด่นก็ได้ อยู่แบบธรรมดาสบาย ๆ ไม่ไปแข่งดีแข่งเด่นกับใคร 2. ตัวเราไม่ต้องรวยก็ได้ หรือรวยน้อยก็ได้ รวยช้าก็ได้ เพื่อนหรือคนอื่น ๆ เขาจะรวยก็ดีใจกับเขา เรื่องของเขา เราไม่จำเป็นต้องทำตัวแบบเขาหรือรวยเหมือนเขา ทุกคนก็มีทุกข์กันคนละแบบ คนไม่มีทุกข์ไม่มีหรอก มีกันทั้งนั้นแหละ มากบ้างน้อยบ้าง 3. เราไม่ต้องเรียนเก่งกว่าใครก็ได้ ขอให้เรียนอะไรแล้วเข้าใจและทำโจทย์ได้ สอบผ่านได้ก็โอเคแล้ว 4. อย่าไปกดดันว่า ตัวเราผิดพลาดไม่ได้ ให้คิดว่าเราเป็นแค่คนธรรมดา มีโอกาสผิดพลาดได้ ไม่สมบูรณ์แบบอะไร แต่เราจะพยายามแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด (ถ้ามี) และจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้นอีก การคาดหวังในตัวเองมากเกินไป การคิดอยากเหนืออยากเด่นอยากเก่งอยากมีชื่อเสียงกว่าเพื่อนหรือคนอื่น ทำให้เราเครียดและกดดัน กระวนกระวาย นอนไม่หลับและฟุ้งซ่าน ทำตัวสบาย ๆ ดีกว่า ให้คิดว่า เรามีข้าวกิน มีที่นอน (แม้จะไม่ใช่วัง) ก็อยู่ได้สบาย ๆ ไม่เดือดร้อนนี่ก็ดีถมไปแล้ว จัดสรรเวลาให้ตัวเอง ไปเป็นอาสาสมัครทำงานในสาธารณกุศลต่าง ๆ ในวันว่าง จะทำให้เราฟุ้งซ่านน้อยลงและเข้าใจชีวิตเข้าใจสังคมมากขึ้น และจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองยิ่งขึ้น ว่า เราก็ทำประโยชน์ ช่วยเหลือคนอื่นได้
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 20:58:34
คำตอบที่ 2
นมัสการขอบพระคุณสำหรับคำตอบคะ ขอถามเพิ่มเติมนะคะว่า. ถ้าความเครียดและความกดดันที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากคนรอบตัว เช่น การตั้งความหวังจากพ่อแม่ คือพ่อแม่ก็หวังดีอยากให้เรามีชีวิตที่ดี แต่บางครั้งก็มากไปหรือบางครั้งสิ่งที่พวกท่านหวังก็ไม่ตรงกับสิ่งที่โยมต้องการ หลายครั้งที่รู้สึกอึดอัด ไม่อยากทำ แต่เราก็ไม่อยากทำให้พวกท่านผิดหวังและไม่อยากขัดใจ(เพราะเคยขัดใจมาแล้ว แต่พอเหนพวกท่านไม่พอใจเราก็พลอยรู้สึกแย่ไปด้วย) ท่านมีความเหนและคำแนะนำยังไงกับเรื่องนี้บางคะ
ชื่อผู้ตอบ
พรปวีณ์
วันที่เขียน
20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 14:05:36
คำตอบที่ 3
ทุกเรื่องเมื่อเราทำเต็มที่แล้ว ผลจะเป็นอย่างไรก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยที่เราได้ทำและเหตุปัจจัยอื่น ๆ ประกอบกัน ก็ให้จบแค่นั้น ไม่ใช่ว่าจะไปให้ได้อย่างที่ต้องการ เมื่อเราแยกแยะได้ว่า อะไรคือเหตุ อะไรคือปัจจัย อะไรคือผลที่จเกิด มันก็จบแล้ว การทำงานทุกอย่าง คือการทำเหตุ ทำปัจจัยเท่านั้น ไม่ใช่อะไรอื่น ส่วนใครจะพอใจ ไม่พอใจ เป็นเรื่องของคนนั้น ๆ ว่ายึดติดมากน้อยขนาดไหน แต่หากใครสามารถเข้าใจเหตุปัจจัยได้ ความทุกข์ก็จะเบาบาง เมื่อเราทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่ามันจะถูกใจใครหรือผิดใจใคร ก็ทำไปเถอะ เขาจะถูกใจไม่ถูกใจ ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องไปกังวล หน้าที่เราคือทำแล้ว และทำอย่างสุดความสามารถ ไม่ใช่ไม่ทำแล้วอยากให้ได้อย่างที่คิดต้องการ
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 17:22:23
คำตอบที่ 4
ขอแนะนำบทความนี้ ที่อาตมาเขียนไว้ มีส่วนพอจะได้คำตอบบ้างหรือปล่าว http://www.kaiwaisai.com/v2/main.php?url=news_view&id=1273&cat=D
ชื่อผู้ตอบ
พระวิปัสสนาจารย์ 10
วันที่เขียน
21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 23:18:57
คำตอบที่ 5
นมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ทั้งสองมากคะ โยมได้อ่านความเห็นแล้วรู้สึกตลกตัวเองมากเลย คือจริงๆแล้วเรื่องที่ท่านแนะนำมาเป็นสิ่งที่เราเคยรู้ๆกันยุ เป็นเรื่องง่ายๆที่ไคก็สามารถทำได้ และมีความสุขกะชีวิตได้ แค่ปรับความคิด ทัศนคติ มีสติอยู่กับปัจจุบัน และหาความสุขจากตรงนั้น คิดง่ายๆแค่ว่าที่เรามีชีวิตยุนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆแล้ว เราควรใช้เวลาที่มียุทำสิ่งที่ดี และทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงไม่สำคัญ เรามีความสุขที่ได้ทำแค่นั้นพอ อีกเรื่องคือ เราต้องเหนคุณค่าของสิ่งที่เราทำ รู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้นมีประโยชน์ต่อเรา ต่อผู้อื่น ต่อสังคมและต่อโลกอย่างไร ถ้าเรารู้แล้วว่าสิ่งที่ทำนั้นเปนสิ่งที่ดีและมีค่าเราก็จะมีความสุขที่ได้ทำ และที่สำคัญเราควรแบ่งเวลาไปทำอะไรเพื่อคนอื่นหรือเพื่อสังคมบ้าง เพราะจะทำให้เราภูมิใจและเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น แถมยังได้เรียนรู้และเข้าใจอะไรมากขึ้น เรื่องแค่นี้เองแต่เโยมกลับลืมมันไป คิดไม่ได้ในตอนนั้น แต่ตอนนี้โยมรู้สึกดีมีความสุขมาก หลังจากนี้โยมจะพยามมีสติ ฝึกศิล สมาธิและปัญญา ให้บ่อยๆ และจะทำตัวเองให้มีค่าที่สุดเท่าที่ทำได้ จะแบ่งปันคำแนะนำของท่านต่อผู้อื่นที่กำลังเจอปัญหานี้้ยุด้วย ต้องนมัสการขอขอบพระคุณทุกท่านมากจริงๆคะ
ชื่อผู้ตอบ
พรปวีณ์
วันที่เขียน
27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 18:42:51
ทั้งหมด 5 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร