ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ความรักที่มากเกินไป
รายละเอียด
ปัจจุบัน อายุ 43 ปี อยู่กับพ่อแม่ ปัญหา คือ ท่านคิดว่าเราเป็นเด็กเสมอเมื่อจะออกจากบ้านต้องขออนุญาตและต้องกลับก่อน หกโมงเย็น ถ้าฝ่าฝืนจะถูกเย็นชา ต่อว่า หมางเมินใส่ แสดงออกอย่างแรง ท่านจะขอไปกับเราทุกที่ ในบางครั้งเราต้องการไปกับเพื่อนบ้างท่านไม่ยอมทำความเข้าใจ สรุปไปไหนกับเพื่อนไม่ได้ต้องไปกับท่านเท่ากัน ฝ่าฝืนจะถูกเย็นชา ต่อว่า หมางเมินใส่ โกรธ แสดงออกอย่างแรง ท่านต้องการให้เรามีแค่ท่านและเรา เราไม่สามารถมีเพื่อนมาร่วมงานใดๆของครอบครัวได้ ฝ่าฝืนจะถูกเย็นชา ต่อว่า หมางเมินใส่ โกรธ แสดงออกอย่างแรง แสดงอาการออกให้แขกรู้ว่าเป็นส่วนเกินโดยไม่แคร์ความรู้สึกแขก ท่านจะให้เราทำตามที่ท่านต้องการทุกอย่าง การกิน รายการทีวี แนวเพลง ทุกสิ่งต้องรอรับการบงการจากท่าน บางครั้งให้เราออกความคิดเห็นได้สุดท้ายต้องเอาตามความคิดท่าน ไม่เคยยอมให้เรามีแฟน เราเคยบอกว่าเราชอบคนแนวนี้ ท่านว่าคิดเหรอว่าท่านจะยอมให้ ท่านไม่ให้เรามีโลกส่วนตัว ถ้าเพื่อนมาหาจะวนเวียนเข้ามาในขัดจังหวะเรากับเพื่อนบ่อย เมื่อเราจะออกไปกับเพื่อนเค้าก็ว่าเค้ามีธุระจะให้พาไปทำเหมือนกัน ,เราไปปฏิบัติธรรมก็แอบตามไปดูสุดท้ายมาบอกว่าไม่อยากให้ไป ทำบุญปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นต้องไปวัด ทำที่ไหนก็ได้ และพ่อแม่ก็คือพระอรหันต์ ทำกับพ่อแม่ก็ได้, เราสวดมนต์ทำสมาธิ ก็มาวนเวียนทำเสียงดัง ท่านกลัวเราจะหนีไปบวชไม่สึก สิ่งที่ท่านต้องการคือให้เรานอนฟังเพลง ดูทีวี กินอาหารที่ท่านเอามาให้ เชื่อฟังท่าน สถานการณ์จริงๆ มันรุนแรงมาก ที่เขียนมาเหมือนธรรมดา ตอนนี้ เราไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว มีเพื่อนไม่ได้ จะกิน จะคิด จะทำทุกสิ่งต้องตามท่านเท่านั้น รู้สึกกดดัน จะระเบิดแล้ว ชีวิตอ่อนแรงขี้เกียจไม่อยากทำอะไรเลย หมดหวัง หมดกำลังใจ อ่อนล้ามาก หรือเราเป็นเจ้ากรรมนายเวรกัน มิน่าที่ต่างประเทศเค้ามีลัทธิไม่นับถือพ่อแม่ก็แบบนี้เอง เพิ่งเข้าใจ แต่เราเป็นพุทธทำไม่ได้
ความต้องการ
ต้องการหมดกรรม หมดเวร
ชื่อผู้ถาม
นิช
วันที่เขียน
22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 20:49:27
จำนวนคนเข้าดู
1499

คำตอบ

คำตอบที่ 1
การที่พ่อแม่รักและห่วงใยนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก หลายคนโหยหาสิ่งเหล่านี้ คุณอาจรู้สึกว่า มากเกินไป จริง ๆ ความรักไม่ได้มีคำว่าเกินไปหรอก พ่อแม่คุณท่านอาจเคยลำบากมาก่อนหรือประสบกับเหตุการณ์น่าเศร้ามาก่อน จึงพยายามปกป้องลูกของตนเองอย่างมากที่สุด ให้พยายามเข้าใจและมองท่านในแง่มุมนี้ การหมางเมินของพ่อแม่ บางทีก็ทำไปอย่างนั้นเองไม่ได้จริงจังอะไร ไม่น่าไปถือความอะไรท่าน แต่จริง ๆ พ่อแม่ก็ควรให้ลูกได้หัดคิด หัดทำ หัดตัดสินใจอะไรบ้าง นี่ลูกอายุ 40 กว่าปีแล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว เอาเป็นว่า คุณพยายามทำในสิ่งที่คุณและพ่อแม่เห็นว่า ถูกต้องร่วมกันแล้วกัน เรื่องแค่นี้ ไม่น่าเครียดถึงขนาดไม่อยากมีชีวิตอยู่ ชีวิตสำคัญกว่าอะไร และแต่ละชีวิตนั้นมีคุณค่ามาก ชวนท่านไปทำกิจกรรมสาธารณกุศลบ่อย ๆ น่าจะช่วยได้ พาไปปลูกต้นไม้ พาไปเลี้ยงอาหารเด็ก คนชรา ฯลฯ อย่าคิดว่า พ่อแม่กับเราคือเจ้ากรรมนายเวร เพราะเป็นการคิดที่ผิด พ่อแม่นั้นมีกุศลที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้เราได้เกิดมา และเลี้ยงดูเรามาอย่างดีมีอวัยวะครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ถูกขับออกจากครรถ์ตั้งแต่ยังไม่คลอดเหมือนหลายคน เรามีร่างกาย มีหู ตา ลิ้น จมูก ดี ทำให้มีโอกาสไปเหิน ไปฟัง ไปเล่น ไปกิน ฯลฯ ต่าง ๆ นานา ถ้าไม่มีอวัยวะพวกนี้ เราจะไม่รู้จักความสุขหรือความสนุกอะไรเลย เรื่องชีวิตคู่ หากคุณมีคนรักที่แท้จริง เชือว่าท้ายที่สุดคงไม่มีใครมาขวางทางคุณได้ ไม่ควรโทษพ่อแม่ วันแม่ที่จะถึงนี้ หาดอกมะลิใส่พาน ก้มลงกราบเท้าพ่อแม่ แล้วบอกพ่อแม่ด้วยความนอบน้อมว่า คุณรักและภูมิใจในพ่อแม่มากที่สุด พูดบ่อย ๆไม่เถียงแต่ชี้แจงตามความจริงเมื่อคุยเรือ่งอะไรก็ตาม ใช้วิธีนี้ทุกอย่างจะดีขี้นเอง อย่าอายในการกราบพ่อแม่ อย่าไปรอกราบท่านเมือ่ท่านไม่มีลมหายใจแล้ว
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 23:53:00
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร