ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ชีวิตต่อจากนี้ไปจะทำอย่างไร
รายละเอียด
ปัญหามีอยู่ว่า 1.ปัญหาครอบครัว - ผมมีแม่ พี่ และหลานอีก1คน ซึ่งอยู่บ้านเดียวกัน ผมและพี่สาวต่างคนต่างทำงาน แม่คอยเลี้ยงหลานอยู่บ้าน ซึ่งทั้งแม่และพี่สาว ไม่สามารถให้คำปรึกษาหรือหาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้นได้เลย แม้แต่ญาติพี่น้องที่มี ทุกวันนี้ผมคิดและทำคนเดียว บางครั้งมีแรงก็สู้สุดใจ บางครั้งท้อจนหมดแรง หมดหนทางที่จะไป ผมเลยย้อนกลับมาคิดว่า สุนัขมันเจ็บแค่ไหนมันก็ยังไม่ยอมตาย เท่านั้นผมก็ค่อยๆผลักตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง 2.ปัญหาทางการเงิน - ซึ่งตอนนี้ผมมีงานประจำทำอยู่ รายได้ที่ได้ยังไม่พอกับรายจ่ายที่มี หนี้สินที่หนักอยู่ก็คือบ้านที่อยู่ทุกวันนี้ กลับไปปี 2554 แม่และพี่สาวอยากมีบ้าน ฐานะทางการเงินตอนนั้นผมและพี่สาวก็พอจะมีบ้านได้สักหลัง ผมก็เริ่มดำเนินการทุกอย่างด้วยตัวคนเดว ซึ่งตอนนั้นผมและพี่สาวก็มีภาระหนี้อยู่ แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่าผมซื้อบ้านหลังนี้ผมและพี่สาวสามารถปลดหนี้ได้ทั้งหมดที่มีอยู่ พอได้บ้านหลังนี้มาจริงๆๆ มันก็เป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ คือปลดหนี้หมด เหลือเพียงบ้านหลังเดวคือผ่อนเพียงเดือนละ8000+ค่าน้ำค่าไฟ2000 ผมและพี่สาวสามารถจ่ายได้ ด้วยการออกคนละครึ่ง ซึ่งมันดูเหมือนกับลงตัวสักที แต่หลังจากที่ได้บ้านมาเพียงเดือนเศษๆๆ พี่สาวก้ออกจากงาน ด้วยเหตุผลมากมาย ผมทรุดคิดจะทำไงต่อ พี่ต้องหางานให้ได้ทันกับค่าใช้จ่ายที่รออยู่ แต่สุดท้าย3เดือนแล้ว ที่ยังหางานไม่ได้ ผมก็ต้องให้ความช่วยเหลือหางานให้อีก ซึ่งงานที่ผมหาให้ขอแค่ทำไปก่อนอย่างน้อยก็มีงานทำ มีโอกาสก็หางานใหม่ที่มีรายได้เยอะขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอย่างที่คิดที่ตกลงไว้( ลืมบอกงานขายประกันทางโทรศัพท์) พี่ผมหวังกับการขายหวังกับคำพูด ว่ามันจะได้เท่านั้นเท่านี้ ซึ่งผมบอกไปแล้วว่าอย่าไปหวังอะไรมาก พี่ผมก็ฝืนทำเรื่อยมา ก็ไม่ได้ดีขึ้นปัญหาทางการเงินกลับเข้ามาอีกแน่นอน ค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดำรงชีพ และเมื่อต้นเดือนพี่สาวผมก็เปลี่ยนงานอีก มาทำคล้ายๆกัน คือ ทวงหนี้ทางโทรศัพท์ ก็เป็นการหวังเปอร์เซน จากยอดที่ทวงได้ ได้เป็นรายวัน วันละ300 ผมเหนื่อยใจอีก ตัวผมได้เงินเดือนร่วมๆ 15000-17000 ต่อเดือน ผมรับภาระนี้ มานานพอแล้ว ผมมีหนี้เพิ่มจากการที่พี่สาวไม่สามารถช่วยเหลือได้ ผมต้องออกค่าใช้จ่ายคนเดวทุกอย่าง เป็นเวลาปีกว่าแล้ว และตอนนี้ผมหนี้ราว 16000 ต่อเดือน อย่างอื่นไม่ต้องคิดเลยคับ ผมและคนอื่นจะอยู่จะกินกันอย่างไร ท้อคับ บางวันได้กินไม่ได้กินบ้าง ก็ต้องทนไป ส่วนของค่าบ้านผมค้าง แบงค์ มาหนึ่งเดือนแล้ว ก่อนหน้าผมไปปรับหนี้มารอบแล้ว ทางแบงค์ก็มีทางออกให้ผมทางเดวคือต้องจ่าย ผมพยายามปรึกษาแล้วแต่ก็ได้คำตอบแค่นี้ 3.ปัญหาชีวิตตัวเอง - ตอนนี้ผมกำลังหางานใหม่ที่มีรายได้มากกว่าตอนนี้ ผมสนใจที่จะไปทำงานในเรือเดินทางไปทั่วโลก ผมติดปัญหาที่ไม่ประสบการณ์ ค่อนข้างที่จะหางานยากหน่อย และต้องทำเอกสารเยอะมากพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร ด้วยตัวผมเองตอนนี้เงินเก็บสักบาทยังไม่มีเลย เงินเดือนไม่ชนเดือน ขัดสนตลอด จนต้องกู้เงินมาใช้อีก ซึ่งผมรู้ดีว่าเป็นการเพิ่มภาระให้กับตัวเองและอนาคต แต่ผมต้องทำคับ เพื่อความอยู่รอดของทุกคน หนี้สินกลับมาอีกครั้ง ทำให้ผมรู้สึกเครียดเพิ่มขึ้นอีก - ด้านความรัก ก่อนหน้าผมมีแฟน2คน ซึ่งตอนนั้นเรา3คน ตกลงว่ารับได้ ขออยู่ด้วยกันคนละวัน เท่านั้น ต่างคนต่างยอมรับได้ แต่หลังจากนั้นคนหนึ่งเกิดต้องการมากกว่านั้น ทำให้เิกิดการต้องเลือก นามสมมุติ มี ก กับ ฝ แน่นอนคับผมรักทั้งสองคน แต่ที่ผมรักที่สุดคือ ฝ ผมยอมทุกอย่างเพื่อเขา แต่กับ ก ผมมีความรู้สึกที่ดีให้เสมอ เรารักๆเลิกๆ กันหลายครั้งมาก จนล่าสุด ก ท้อง ซึ่งผมรับผิดชอบแน่นอน แต่ผมก้เลว ผมเลือกที่จะอยู่กับ ฝ ผมให้สัญญากับ ฝ ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับ ก อีก แต่ ฝ ไม่เชื่อและไม่ไว้ใจ ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นคนคิดมากอยู่แล้วและด้วยงานต่างทำงานต่างเวลากัน ผมทำงานกลางวัน ฝ ทำงานกลางคืน จึงไม่ค่อยมีเวลาให้กันเท่าไร เลยเป็นปัญหาอยู่บ้าง ผมพยายามใช้เวลาที่มีน้อยให้ดีที่สุดเท่าที่ให้ได้ แต่มันก็มันเป็นอย่างนั้น ฝ ถามผมว่า ทิ้งลูกได้มัย ผมตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่า ผมไม่มีวันทิ้งเขาแน่นอน ถ้า ก ให้โอกาสผมเจอลูก แต่ ฝ ได้ฟังอย่างนี้ ฝ รับไม่ได้คับ เขาบอกให้ผมกลับไปดูแลลูก เมีย พี่เถิด ในตอนนั้นผมก็รู้ว่า ฝ มีคนใหม่อยู่แล้ว มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกันคับ อึดอัด แน่นหน้าอก เจ็บ ทรมาน ที่จะต้องไปจาก ฝ ผมรัก ฝ มาก แต่ความเจ็บปวดนนี้ มันยังน้อยกว่า ที่ก ได้รับ จากการกระทำจากผม ที่ทิ้งเขาและลูกไป ผมเสียใจกับทุกการกระทำที่ผมทำไป ผมขอโทษ ทุกวันนี้ผมยังไม่เคยได้อุ้มลูกผมเลย ผมพยายามติดต่อ ก ผมไม่หวังว่าจะได้การให้อภัยจาก ก แต่ผมอยากเห็นหน้าลูกผมครั้งได้กอดหรืออุ้มเขาสักครั้งหนึ่งก็ยังดี ตอนนี้ผมแทบจะไม่เหลือใครแล้วทั้งคนรักทั้งลูก และครอบครัวตัวเอง ตอนนี้ผมเองทั้งสับสน อ้างว้าง ขาดแรงบันดาลใจ ขอบคุณที่รับฟังและให้ข้อคิดคับ
ความต้องการ
คำปรึกษา
ชื่อผู้ถาม
ก้อง
วันที่เขียน
25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 19:24:37
จำนวนคนเข้าดู
2199

คำตอบ

คำตอบที่ 1
1. ครอบครัว แม้เขาช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่เขาก็น่าจะพร้อมรับฟังปัญหาครอบครัวพวกเราได้ คือต่างคนต่างก็ต้องให้กำลังใจกันและกัน อย่าไปมองว่า แม่ พี่สาว หรือหลานเป็นภาระของเรานะ ให้คิดว่า เขาคือผู้ช่วยเรา คอยให้กำลังใจ เอาแค่นั้นแหละ ส่วนถ้าเขาจะช่่วยได้มากกว่านั้น ก็ถือว่าเป็นของแถม 2. การเงิน มนุษย์ทุกวันนี้ มีปัญหากันทั้งนั้นแหละ มีส่วนน้อยจริง ๆ ทีไม่มีปัญหา ที่ผ่านมาก็ถือว่าคุณทำได้ดีแล้ว ช่วยกันซื้อบ้านได้ และคุณก็เก่งและอดทนสูงมาก เพื่อแม่ พี่ หลานแล้ว คุณสู้ไม่หยุดเลย ยอมอด ยอมไม่ซื้อ ไม่จ่ายอะไรที่หรูหราฟุ่มเฟือยเพื่อแม่ พี่ หลาน และบ้าน จงอดทนสู้และลุยต่อไป มีหนี้อะไร ต้องรีบใช้คืน ยืมใครก็ให้รีบหามาคืน มีหนี้ก็ไปคุยกับเจ้าหนี้ คุณทำถูกแล้ว ไม่หนี ไม่หลบ รับสายตลอด ไม่รู้งานที่ทำอยู่ปัจจุบันเป็นอย่างไร บางทีงานที่ต้องใช้ทุนมาก ๆ อาจไม่เหมาะกับคุณในระหว่างนี้ อะไรที่ไม่แน่นอน ยังไม่น่าเสี่ยง ถ้าคุณพอจะจัดการเวลาได้ งานขายของผ่านอินเตอร์เนตนี้ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งได้ ขายอะไรใหญ่ ๆ แพง ๆ อาจยังไม่มีทุนมากพอขนาดนั้น คุณลองไปเดินดูสินค้าแถวตลาดสำเพ็งดูสักหน่อย เผื่อคุณจะปิ้งไอเดีย เอามาขายผ่านเนตได้ ไม่เปลืองเวลามาก และไม่กระทบกับงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน งานขายนั้น จะทำให้มีรายได้ดีกว่าทุกงาน เพราะเราขายมาก เราก็ได้มาก ไม่ขายก็ไม่ได้ ลองหาข้อมูลดู น่าจะเสริมรายได้ให้คุณได้ แต่อย่าฝันหวานและเล็งผลเลิศเกินไป ให้ลองทำดูก่อน ทุกอย่างมีจุดอ่อนจุดแข็งมีอุปสรรคทั้งนั้น พี่สาวคุณ ต้องกระตุ้นให้เขาเลิกอายในการทำกิน แล้วอาจยอมเจียดเงินซื้อหม้อต้มก๋วยเตี๋ยวให้เขานั่งขายก๋วยเตี๋ยวสักที่ น่าจะดีกว่าทำงานทวงหนี้แบบนั้น ขายก๋วยเตี๋ยวเป็นงานอิสระ เหนื่อยหน่อยแต่ถ้าพัฒนาฝีมือ ดูแลความสะอาดของอาหารและอุปกรณ์เป็น เลือกซื้อของเป็น พูดจาสุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใสกับลูกค้า ก็มีโอกาสมีเงินได้แน่นอนและใช้เวลาไม่นานด้วย 3. ส่วนตัว+ความรัก มีเงินน้อยแล้วมีผู้หญิงหลายคน มันไปกันได้ยากอยู่แล้ว ชีวิตจริงแทบเป็นไปไม่ได้เลย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว แต่ถ้าเรารู้ว่าเราเห็นแก่ตัวแล้วหาทางผ่อนความรู้สึกตัวนี้ คุณจะคิดละเอียดขึ้น ทำอะไรก็ละเอียดขึ้น ฝ ทำถูกแล้ว คุณควรจบและปล่อย ฝ ไปตามทางของเขา "ความรัก" ของคุณไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ความหลงใหลและความเห็นแก่ตัวของคุณเอง อยากได้เขาอยากเก็บเขาไว้เพื่อคุณคนเดียว คุณควรไปหา ก และดูแลเขาและลูกอย่างดีที่สุด ไข่แล้วทิ้งนั้น ควรหมดไปจากสมัยนี้ได้แล้ว ลูกของคุณจะเป็นอย่างไรเมื่อคุณทิ้งเขาตั้งแต่เขายังไม่คลอด ทุกคนมีโอกาสผิดพลาดกันทั้งนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม อย่าโทษตัวเองจนไม่กล้าเดินไปข้างหน้า เมื่อเรารู้ตัวว่าผิดแล้ว ก็แก้ไขปรับปรุงตัวใหม่ โอกาสยังคงมีเสมอ อย่าอาย อย่ารักษาฟอร์ม อย่ารักษาหน้าตาด้วยเรื่องแบบนี้ เราเป็นผู้ชาย ทำผิดก็ยอมรับผิด กล้าที่จะยอมรับเสียงด่าเสียงประณามเหยียดหยามจากทุกคน แต่เราจะไม่ทิ้งลูกเมียของเรา รีบตามหาลูกเมียด่วนเลย งานก็ลุยทำต่อไป หาทางเปิดช่องให้เงินเข้ามาหลาย ๆ ทาง "ท้อแท้ ท้อถอย สิ้นหวัง หดหู่ ห่อเหี่ยว" ต้องไม่ให้มีหรือมีก็อย่าให้อยู่ครอบจิตใจเกิน 1 นาที ให้รีบสบัดทิ้งแล้วเดินหน้าทำงาน วางแผนลุยงานดีกว่า การนั่งสวดมนต์ เจริญจิตภาวนาทุกวัน ๆ วันละ 20 นาทีเป็นอย่างน้อยนั้น สามารถช่วยให้จิตใจเยือกเย็น อดทนและแข็งแกร่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ คุณจะเริ่มทำในวันนี้เลยก็เป็นกำไรชีวิต แต่ต้องทำให้ต่อเนื่องทุกวันจนเป็นนิสัย อ่านตรงนี้เสริม http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=54 วิธีเจริญจิตภาวนาแบบง่าย http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=17 จงจำไว้ว่า เราต้องทำตัวเราให้เป็นที่พึ่งของเราให้ได้ ต้องพึ่งตัวเอง ไม่ไปหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เวทย์มนต์​ หมอดู เสี่ยงโชคลาภ เจ้าพ่อเจ้าแม่อะไรนั่น ไม่โทษเวรกรรมแต่ชาติก่อน ไม่โทษกรรมเก่า และจงเข้าใจว่า เราจะอ่านหนังสือ 10000 เล่ม ปรึกษาผู้คน 10000 คน แต่หากเราไม่ลงมือทำแล้ว ความรู้ในหนังสือก็สูญเปล่า 10000 คำปรึกษาก็ไร้ประโยชน์ แค่ผ่านตาผ่านหูไปแค่นั้น
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 20:04:56
คำตอบที่ 2
สาธุคับท่านอาจารย์ ที่ให้ข้อคิดและแนวทางการดำเนินชีวิตต่อไป เมื่อกระผมพบกับชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ผมจะสรรสร้างและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้ทุกคนได้มีความรักที่ดีต่อกัน
ชื่อผู้ตอบ
ก้อง
วันที่เขียน
25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 20:44:15
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร