คำตอบที่ 1
ทุกคนมีปัญหาทั้งนั้น ใหญ่เล็ก มากน้อย แตกต่างกัน
ฟัง ๆ ดูคุณอายุยังไม่มากเลย ที่ผ่านมาถือว่าเป็นบทเรียนชีวิตได้ดีทุกเรื่องเลย อย่ามองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้นร้ายเกินไป หรือร้ายเกินกว่าจะทน เราต้องยอมรับความจริง
1 มีหนี้สินเราต้องใช้ ต้องติดต่อเจ้าหนี้ไม่หนีไม่เบี้่ยว อย่าทำไม่ไม่รู้ร้อน เราต้องเป็นคนตาม ไม่ใช่รอเขาตาม
กยศ.ของคุณไม่รู้ขั้นตอนถึงไหนแล้ว ถ้าเขาจะฟ้องร้องก็ไปติดต่อประนีประนอมเสีย แล้วทำเรื่องผ่อนชำระไป เขาคงไม่น่าจะเอาคุณเข้าคุกตารางละมัง อย่าไปโทษใครทั้งนั้น อย่าไปว่าใครด้วย เราทำเหตุให้เป็นแบบนี้ ผลก็เลยออกมาแบบนี้ หนี้แค่นี้ไม่น่าท้อใจ เป็นบททดสอบชีวิตอีกหนึ่งบทที่ท้าทายดีออก
2 เรื่องรถ ถูกยึดไป เราต้องยอมรับแหละว่า เราชะล่าใจวางใจเพื่อนมากเกินไป ไม่ได้สนใจบิลหรือใบเสร็จ ทรัพย์สินหาเอาใหม่ได้ อย่าไปเครียดกับมัน จริง ๆ การปล่อยให้ถูกยึดก็เป็นการแก้ปัญหาวิธีหนึ่งเช่นกัน เพราะเราไม่จ่ายเค้า เขามีสัญญาชัดเจนว่า ค้างจ่ายติดกัน 3 งวด เขามีสิทธิ์เอารถเขาคืนไปได้ เพราะรถที่เราผ่อนกับ finance เป็นรถของไฟแนนซ์ ไม่ใช่รถของเรา ก็เราเอาเงินจากเขามาแล้ว ถ้าเราไม่จ่าย เขาก็เสียเงินฟรี ๆ แถมถ้ารถคั้นนี้หายไป เขาตามไม่ได้ เขาก็เสียรถไปอีก ไหนจะต้องจ้างคนติดตาม ไหนจะจ้างทนายฟ้องร้องเพื่อเอาทรัพย์สินคืน
เราต้องมองในแง่นี้บ้างคือ ใจเขาใจเรา ดังนั้นต้องยอมรับความจริงว่า การที่รถถูกยึดก็เป็นการแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง คือแก้ให้เจ้าของเงินเขาได้เงินหรือได้ทรัพย์สินคืน คุณไม่ต้องไปโพยพายเสียใจ ปล่อยไป หาเอาใหม่ เรามีร่างกายสมบูรณ์อยู่ ดีกว่าเขามาทวงหนี้แล้วทำร้ายให้เราบาดเจ็บพิการจนไม่สามารถทำอะไรได้
ชีวิตคุณสำคัญกว่าทรัพย์สินสิ่งของทั้งมวลที่คุณมี ตอนเกิดมา คุณก็มาตัวเปล่า ๆ ตอนนี้คุณยังมีบ้าน มีที่นา มีภรรยา มีลูก เห็นไหมว่า คุณยังดีกว่าหลายคนที่ที่นอนก็ไม่มี ต้องไปนอนตามสถานีขนส่งบ้าง ชานชาลารถไฟบ้าง
3 เรื่องทั้งหมด คุณอย่าไปปกปิดความจริง คุณควรบอกทุกคนไปตามความเป็นจริง และยอมรับ เขาจะด่า จะว่า ก็ยอมรับ ไม่ต้องไปเถียงไม่ต้องไปแก้ตัว ยอมรับและบอกว่าจะอดทนตั้งใจใหม่่ จะหาใหม่ จะเคลียร์ทุกอย่างใหม่ อย่าไปโกรธใครด้วยถ้าเขาจะว่าจะหยาบจะสมน้ำหน้า ให้น้อมยอมรับ ก้มลงกราบพ่อแม่ที่ท่านกรุณาเมตตาบอกสอน กอดเมียของคุณที่เขาช่วยตักเตือน
คนเราผิดพลาดได้ เผลอได้ ไม่ใช่ว่าจะไม่ผิดพลาด แต่ตอนนี้เราจะตั้งใจใหม่ ปรับปรุงตัวเองใหม่
ขยัน อดทน สู้ ลุย ไม่เที่ยวไม่เล่น ไม่กินไม่ดื่ม
ไม่เกลี่ยดใคร ไม่โกรธใคร ไม่อาฆาตเพื่อนหรือใคร ๆ ให้อภัยทุกคน อย่าไปทำร้ายเพื่อน
จะทำอะไรก็ตาม ให้หาข้อมูล อ่านหนังสือให้มาก ๆ รอบคอบ ละเอียด วางแผนดี ๆ รู้ว่าตัวเรามีหรือไม่มีขนาดไหน
ทุกขั้นตอนให้ละเอียด ให้มีข้อมูลแน่น ๆ อย่าคิดเองเออเองสรุปเอง แล้วก็ใช้กำลังอย่างเดียว ใช้สมองคิดให้มากที่สุด วางแผนให้ดีที่สุด ก่อนทำอะไร ก่อนจะจ่ายเงินออกไป
หัดทำบัญชีเงินเข้าเงินออกทุกวัน
อย่ามัวแต่โทษเวรโทษกรรม แล้วก็ตัดพ้อต่อว่าตัวเองโง่อาภัพอับโชค
อย่ามัวแต่อ้างโน่นอ้างนี่
อย่ามัวแต่เพ้อฝัน
อย่าคิดแต่จะหนีปัญหาทิ้งลูกเมียพ่อแม่ให้เผชิญชะตากรรมเอง
เราเป็นผู้ชาย เราต้องสู้ ต้องอดทนและเข้มแข็งกว่าเมียเป็น 10000 เท่า
ไม่นานเลย คุณก็จะกลับมาและสามารถมีอะไรยิ่งกว่าที่เสียไปทั้งหมดเสียอีก ลองดูสิ
รสถานที่และบรรยากาศที่สงบกายสงบใจ
แนะนำให้ไปศึกษาและเจริญจิตภาวนาที่นี่ สัก 3 วัน 5 วัน 7 วัน หรือมากกว่า แล้วแต่ว่าคุณจะอยู่ได้
ที่นี่ เหมาะสมที่สุดเพื่อฟื้นฟูและปรับจิตใจ
ตรงนี้
http://bhaddanta01.blogspot.com/
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
1 สิงหาคม พ.ศ. 2556 10:12:29
คำตอบที่ 2
กราบขอบคุณมากๆครับ ตั้งใจว่าจะบอกความจริงทั้งหมดกับที่บ้านอะไรจาเกิดมันก้อคงต้องเกิด หลังจากนั้นว่าจาไปสงบใจตามที่แนะนำมาสักพักครับ หลังจากอ่านแล้ว คิดไปคิดมา ผมรู้สึกไม่เสียดายกับสิ่งที่เสียไปแล้วล่ะครับ ก่อนหน้านี้มันรู้สึกไม่อยากเสียอะไรไปแต่ตอนนี้มันกลับเฉยๆกับ เงิน และรถที่ยึดไป เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องคืนเขาไป หรือแม้แต่ภรรยาที่ถ้าทราบเรื่องแล้วเขาอาจจากไปเมื่อก่อนผมคิดว่าคงรับไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมกลับเฉยๆไม่ค่อยยินดียินร้ายกลับกับหลายๆสิ่งรอบตัวอ่ะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอ่ะไรหรืออาจทำใจได้ หรือปล่าวไม่รู้น่ะครับ สุดท้ายขอบกราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ
ชื่อผู้ตอบ
เอกวุฒิ เทศศิริ
วันที่เขียน
1 สิงหาคม พ.ศ. 2556 11:43:03
คำตอบที่ 3
ตอนนี้คุณกำลังทุกข์มาก เนื่องจากจิตรู้สึกผิด กับสิ่งที่ได้ตัดสินใจทำลงไปในอดีต โดยมีเจตนาดีต้องการช่วยเหลือเพื่อนให้พ้นทุกข์ แต่ผลลลลลที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่คิด ก่อให้เกิดปัญหาเรื้อรังอื่นๆแทน อย่างแรก ลองพิจารณาดู คุรก็ทราบดีแล้วว่าเกิดจากความไม่รู้จริง หรืแอย่างที่คุณบอกว่าคุณโง่ แท้จริงแล้วคือความไม่รู้ตามที่มันเป็นนั่นเอง สิ่งที่ขาดไปในขั้นตอนการตัดสินใจคือ ปัญญา หากตอนนี้มองกลับไปอีกครั้ง ลองพิจารณาสถานการณ์อย่างถี่ถ้วน โดยใช้ปัญญา ไม่ใช่อารมณื คิดถึงเหตุและผลให้ถ้วนถี่ คุณอาจจะตัดสินใจช่วยโดยวิธีการต่างออกไป อันนี้คือให้เอาอดีตมาเป็นบทเรียน ดังนั้นเมื่อเรารู้แล้วว่าความผิดพลาดหลาๆครั้งในชีวิตของเรานั้นเกิดจากการขาดปัญญา ตัดสินใจด้วยอารมณ์ แม้จะเจตนาดีก็ต้องประกอบด้วยปัญญา พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน ทั้งนี้ เมื่อเราได้พิจารณาอดีต ได้บทเรียนจากมันแล้ว เราต้องปล่อยวางอดีต เพื่อจะได้ทีสติจัดการปัจจุบัน
มาตั้งต้นจัดการปัญหาปัจจุบันกันนะ อย่างแรกต้องรวบรวมสติเสียก่อน พยายามอย่าฟเสียใจกับอดีตหรือกังวลกับอนาคต อยู่กับลมหายใจซักพัก จะเกิดสมาธิ เมื่อนิ่งเราจะเห็นทางออกมากขึ้น อาจจะเห็ทางออกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อยากให้ระลึกอยู่เสมอว่าทุกสิ่งเป็นเหตุเป็นผลของมัน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลของการตัดสินใจของเราในอดีต เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เรามีปัจจุบันที่จะเป็นเหตุในการส่งผลในอนาคต ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาและอยู่กับผลของมันอย่างเข้าใจและไม่เศร้าหมอง
การฆ่าตัวตายนั้น ไม่ได้ทำให้คุณพ้นทุกข์เลย รังแต่จะเพิ่มทุกข์เป็นล่นเท่าทวีคูณ ให้ลืมมันไปเสีย เพราะจิตสุดท้ายก่อนตายนั้นเป็นจิตที่กำหนดสภาพ ประเภท ของภพหน้า แล้วลองคิดถึงจิตขณะฆ่าตัวตายว่าเศร้าหมองขนาดไหน ชาติหน้าของคุณจะเป็นอย่างไร อาจไม่ได้เป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ อีกทั้งไม่เกิดประโยชน์ใดๆกับคนที่คุณรักทั้งหลายแม้แต่น้อย บิดามารดาที่มีพระคุณต้องมาเสียใจและกลายเป็นปมในชีวิตของท่าน ภรรยาและบุตรที่รักต้องมารับภาระหนี้สินและลูกต้องเผชิญชีวิตในโลกโดยปราศจากพ่อที่คอยอบรมสั่งสอน เพียวแค่คุณมีชีวิตอยู่ คุณมีโอกาสพลิกวิกฤษให้เป็นโอกาสเปลี่ยนความคิด เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดำรงชีวิตทุกๆวันอยู่บนพื้นฐานของปัจจุบัน เหตุและผลอย่างใช้ปัญญาได้นะ
คำที่ว่าเปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยนนั้นเป็นความจริงอย่าวที่สุด และปัญญาเหตุตามความจริงเท่านั้นที่จะพาให้เรารอดได้
ขอเป็นกำลังใจให้อย่างที่สุด มนุษย์เราเกิดมาต้องเจอทุกข์สุขปะปนกันไป จิตที่มีสติเท่านั้นจะก่อให้เกิดปัญญา และปัญญาเท่านั้นจะเป็นตัวพาให้เรารอดและอยู่อย่างมีความสุขสงบ
ขอให้มนุษย์และสรพพสัตว์ทั้งหลายจงหลุดพ้นเถิด จงหลุดพ้นเถิด จงหลุดพ้นเถิด
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 199
วันที่เขียน
1 สิงหาคม พ.ศ. 2556 14:01:11