ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เคลียดมาก
รายละเอียด
ขอกราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ปจุบันกระผมเป็นเด็กวัย 28ปี ครับ ตอนนี้มีปัณหา อยาก ขอคำปรึกษาจากพระอาจารย์ ตอนนี้ กระผมใม่รู้จะทำอย่างใน กับชีวิตต่อไปดี จากประสบการชีวิตที่เคยย่ำแย่ จากคนเข้มแข็งมาตลอด ต้องมาแพ้กับเรื่องความรัก ผมใม่รู้ว่า ผมจะทำอย่างใรดี ผม เป็นเด็กคนนึง ที่ ใม่เคยใช้ชีวิต ในครอบครัวที่อบอุ่น เป็นเดกที่ถูกเก็บมาเลี้ยง จากครอบครัวที่วุ่นวาย และโต มาแบบ อดกลั้นมาตลอด ตอนนี้ ผม ทำงานแล้วครับ มีกิจการเป็นของตัวเอง ผมเป็นผู้ชายครับ แต่ก็มีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน ปัณหามันมีอยู่ว่า เมื่อเดือนพค 2555ผมป่วย เลยเข้าโรงบาล เจาะเลือดหาเชื้อเอสไอวี ผลตรวจปรากดว่า ผมมีเชื้อเพราะติดจากแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปช่วงนั้น ผม ปวดใจ ทรมารใจมากเก็บตัวเองในห้อง เป็นอาทิต รับตัวเองใม่ใด้ สักพัก ก็มีเพื่อนที่รู้จักกันเดินทางมาทำงานจังหวัดผมเค้าชวนให้ผมพาเค้าไปเที่ยวเป็นเพื่อนแหล่งสถานบันเทิงผมก็ไป ผมโชคดีที่ใด้ไปเจอ ผู้ชายคนนึง อายุ ตอนนั้นแกก้อ 43 ปี ปีนี้ก้อ 44 เรา มีโอกาศใด้พูดคุยกัน แล้วเกิดความรู้สึกดีๆให้กัน คืนแรก เราก็พักด้วยกันหลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวกันจนแยกย้ายกลับบ้านที่ต่างจัวหวัดครับหลังจากนั้นเราก็มีโอกาศใด้โทรคุยกันมาเรื่อยจนย่างเข้าอาทิตที่2ผมเลยตัดสินใจบอกกับเขาไปว่าผมป่วยเป็นอะใรพี่เค้าก็ใม่แสดงความรังเกียจ กลับให้กำลังใจผม ใม่นานผมก็รู้ว่าเค้ามีครอบครัว แต่ผมก้อรู้สึกดี ที่เขา คอยเปนกำลังใจ หลังจากนั้นเราก้อมีโอกาศใด้เจอกันอาทิตละวัน โทรคุยกันตลอดครับ ถึงแม้ว่าบางครั้ง ทางครอบครัวผู้เป็นภรรยาเขาจะโทรมาต่อว่าผม ผมก็รู้สึกผิดแต่ก็ใม่อาจห้ามใจตัวเองเพราะผมเองก็อยากมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก เค้าคือคนแรกที่ผมรู้สึกว่ารักเขาจากใจ ถึงแม้ว่าเราจะผ่านปันหาเรื่องครอบครัวเขา ปัญหาเรื่องมือที่ 3 มือที่ 4 พี่เค้าเป็นคนเจ้าชู้มากครับ แต่สุดท้ายพี่เค้าก้อเลือกที่จะอยู่กับผม และครอบครัวมาตลอด ทุกคืน เราจะออนเฟสคุยกันตั้งแต่ 2ทุ่ม จนสว่างเราจะเปิดกล้องส่องหน้ากันอยู่แบบั้น จนเช้าครับ 2 โมงเช้า เราก้โทรคุยกันตลอดเวลา อยุ่ จน 16 เดือน ช่วงหลังๆ พี่เค้าก้อมีปันหาทางครอบครัว ใม่ว่าจะเรื่อง ภรรยาหึงหวง ปัณหาด้านการเงิน แรกๆผมก้อเปนกำลังใจเขามาตลอด จนถึง ปจุบัน ทุกครั้งที่เขามีปันหาผมจะชวนเขาพูดคุยหัวเราะทุกวัน บางครั้งเขาก้อพูดให้ผม ทางใม่ดีเท่าใรผมก้อพริกสถานการเปนเรื่องตลกไป เพราะผมอยากเหนเขามีความสุข คือผมทนอารมเขามาตลอด แต่ก้อมีบ้างที่ผมเผลอไป เค้าจะโกดนานเป้นอาทิต ปิดเครื่องใม่ พูดใม่คุยด้วย นับตั้งแต่ปีไหม่มาเค้าก็เริ่มมีปันหาเรื่องการเงินมากขึ้น ผม ก้อพอมีรายใด้ ใม่ใด้มีเยอะแยะอะใร เลย เสนอ ให้เค้าเอาไปบรรเทาก่อน มีเมื่อใรค่อยคืน เขากลับ พุดมาว่าผม กำลังเอาของพวกนี้ชื้อความรักจากเขาดูถูกเขา เขาทำงานราชการ อะใรประมานนั้นครับ ผมคิดเสมอว่า เราคบกัน เวลาใครล้มก้ออยากช่วย ให้เขาดีขึ้น เผื่อมีสักวันผมล้มบ้าง ก้ออยากให้เขาช่วยมาประคอง ผมก้อยอมรับว่าเปนคนอารมฉุนเฉียวบ่อยๆ ก้อมีบ่อยครั้งที่ ตบตีเค้าบ้าง ส่วนมากก้อเพราะเค้าชอบพูดให้หึงหวงเค้า เราใด้เจอกัน วันสุดท้ายเมื่อวันครู ครับ ผมไปหาเขาที่ จังหวัดเค้าอยุ่ เราอยุ่คนละจังหวัด ห่างกันประมาน 280 กิโลครับ วันนั้นผมก้อมีโอกาศใด้ไปเพื่อนเพื่อนเขาในงานเลี้ยงแต่ผมจะรอเค้าอยู่ในรถ วั้นนั้นเกิดอะใรใม่รุเราทะเลาะงอลกันตั้งแต่เช้า วันนั้นผมนั่งแทคชี่ไปหาเขา รถก้อชนหมา วันนั้นเราก้อขับรถชนหมาและแมว อีก2ครั้ง ใม่รุจะเปนกรรมหรือป่าว คืนนั้น วันนั้นผมก้อ น้อยใจที่เค้าพูดเรื่องผมเอาเงินมาชื้อความรักจากเขา ผมก้อเลย เกิดความน้อยใจรุนแรง เลยพูดประชดไป ว่าถ้าจะชื้อ เค้าน่ะ เขาใม่มีค่าพอจะชื้อหรอก ถ้าจะชื้อ ก้อไปชื้อเดกหน้าตาดีๆ กว่าเขาใม่ดีกว่าหรอ และที่สำคัน ตอนช่วงปีไหม่ผมไปเที่ยวเชียงไหม่ ผมก้อไปออฟเด็กมาคนนึงตั้ง 2000แน่ะ ผมพูดไปเพราะความโกดและเมาด้วย เค้าก้อใม่รุแต่ผมรู้ว่าเค้าก้อคงจะโกด คืนนั้นเค้าก้อพยายามมีอะใรกับผมทั้งคืน โดยที่ใม่มีถุงยาง ใม่มีอะใร ช่วย ให้เราปลอดภัย อยุ่ทั้งคืน ตี 2 ผมก้อยังใม่ใด้หลับเลยใล่เค้าไป ชื้อถุงยาง คืนนั้นผมก้อนอนให้เค้าทำ อยุ่หลายครั้งพอผมหงุดหงิดจะทำเค้าบ้าง เค้าก้อใม่ยอม ขัดขืนกันอยบุ่หลายครั้ง จนโกดแกล้งนอนหันหลังให้กัน แต่ผมก้อกอดเค้าทั้งคืน ตอนเช้าก้เปนปันหาไหย่ ที่เขามีอะใรกับผม แบบตั้งใจใม่ใส่ถุงยาง จนเสจ ผมก้อแอบเอาของตัวเองไปถูๆของเค้าบ้าง ผมคิดว่าเค้าจะโกดผมเรื่องนี้ มาก แต่ก่อนนั้นผมก้อใส่ถุงอยุ่แต่ใม่ค่อยมีอารมเปนฝ่ายรุก เลยถอดออก เค้าหันมาดูเปนมันเปลื่อยเปล่าพี่เค้า เลย ดิ้นยิ่งดิ้นผมก้อยิ่งกวนเค้าเพราะความหมั่นเขี้ยว ขัดขืนกันไปกันมา เหมือนเค้าทำกับผมตอนดึกๆสุดท้ายผมก้อเลยโมโหจริงๆจับหัวเขามาโหม่งกะหน้าผากผมแล้วตบไปที่หน้าอกเค้าแรงๆทีนึง ผมก้อเสียใจครับเหนเค้านอนน้ำตาใหล จาก เช้าผ่านไปเราก้อยังคุยกันปกติ ส่งผมขึ้นรถกลับเค้าไปทำงาน ช่วงกลางวันผมก็โทรหาเค้าตลอดฟังเสียงเค้าทำงาน ปกติ จนค่ำๆเค้าต้องเดินทางไปรับครอบครัวอีกจังหวัดนึง เราก้อยังคุยกันปกติ จนใกล้ๆวางโทรสับเค้าก้อเริ่มเงียบ ถามเขาว่าเปนอะใร เค้าบอกเคลียดเรื่องเมื่อเช้า ผมก้อบอกว่าขอโทษเดินทางปลอดภัยนะ หลังจากวันนั้นผมก้อ ใม่ใด้คุยกับเขาอีกเลย เฟสบุคที่เราเคยคุยกันเค้าก้อใม่เข้ามาอ่าน เปนอาทิตๆ แต่ผมก้อรู้ว่าเค้าไปคุยกับคนอื่นอีกเฟสส่วนตัวของเขา ผ่านจากวันนั้นมาวันนี้ก้อ 8อาทิตแล้วมั้งครับพระอาจารย์ ที่เรา ใม่ใด้คุยกัน ถึงจะให้คนงาน โทรไปคุยแทนก้อใร้ประโยช เค้าพูดเหมือนจะทิ้งผมไป ระบาย ว่ามันปันหาทางครอบครัวเยอะอยากขออยุ่นิ่งๆ ปล่อยให้ผมเปนบ้าไปเถอะ ผมโทรหาเขาๆก้อใม่รับโทรสับ ก่อนนั้นผมก้อโดนภรรยา เขาโทรมาต่อว่าตลอด ผมรู้สึกเป็นคนบาปมากเลยครับ ตั้งแต่ อาทิตที่ 2หลังจากรุ้จักกันไหม่ๆผมก้อให้เค้าป้องกันกับภรรยาตัวเองมาตลอด 16เดือน ก้อมีบ่อยครั้งที่เรา มีใรกัน มีผิดพลาดเรื่องความปลอดภัยแต่เค้าก้อพูดกับผมเสมอว่าเขาติดโรคร้ายจากผมไปแล้ว ผมเสียใจ มากเลยครับ เสียใจที่ ทำให้คนอื่นรับ บาปไป ทั้งครอบครัวผมก้อใม่อยากให้มันเกิดขึ้น ทุกวันนี้ ผมใช้ชีวิต ที่เคยมีเขาดเปนกำลังใจ จนตั้งกิจการใด้ 2 สาขา ตอนนี้ผมก้อวางมันลง ทุกอย่างที่ทำใด้ใม่ใช่เพราะใด้เงินจากเขานะครับ สิ่งที่ใด้คือกำลังใจจากเขา ตอนนี้ผมทำทุกวิธีทางเพื่ออยากให้เขามาพูดกับผมบ้าง ถึงจะทิ้งผมไป ใม่อยากเจอหน้า อย่างน้อยก้ออยากให้เขาเปนกำลังใจให้ผมใด้ใช้ชีวิตต่อไป มีบ่อยครั้งที่คิดสั้น แต่หันมามองงานที่ลูกค้าเชื่อมั่น มามอบหมายให้ทำถ้าทิ้งไปก้อกลัวเขาจะด่า ตามหลัง หลายครั้งที่อยากไปทำไห้ครอบครัวเขาร้าวฉาน โกดที่เขาใม่ยอมคุยด้วย คิดไปก้อใม่กล้า เพราะที่ผ่านมาผมก้อทำบาปมาเยอะ ผม ควรจะแก้ใขปันหาชีวิตใงดี เขาจะกลับมาหรือ ป่าว ความรักที่ผมทำใด้เพื่อเขาตอนนี้คือปล่อยเขาไป หรือครับ บางครั้งผมก้อรุ้ว่าเค้าก้อแอบไปจีบคนไหม่อยุ่ เขาทำให้ผมมีกำลังใจ เหมือนตายแล้วเกิดไหม่ แต่ใม่รุเปนเพราะอะใร ตอนนี้มันใด้พังไปหมดแล้ว ผมอยากจะขอโทษครอบครัวเค้า ผมกินข้าวใม่ใด้มาเดือนกว่าละครับ แต่ สภาพร่างกายผมยังแข็งแรง ใม่ใด้กินยาจากหมอ ผมยังถือว่าเปนคนปกติ แต่ก้อยังแพร่เชื้อร้ายให้คนอื่นใด้ แต่เรื่องนอกใจเขาผมใม่เคยทำเลยสักครั้ง บางครั้งผมก้อดื้อไปตามประสา แต่ที่รุ้อยุ่ในใจเสมอคือ เขาเปนที่หนึ่งและลมหายใจผมเสมอ ครอบครัวเขาผมก้อใม่เคยไปยุ่ง เลยสักครั้ง พระอาจารย์ครับ ต่อไป ผม ควรทำใงดี ผมนอนใม่หลับมาเดือนนึงแล้วต้องใช้ยาคลายเคลียดตลอดเวลาเลย หากมีข้อความใม่ควร กราบขออภัยพระอาจารย์ด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ
ความต้องการ
คำชี้แนะ
ชื่อผู้ถาม
คนนิระนาม
วันที่เขียน
28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 01:47:08
จำนวนคนเข้าดู
1330

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ธรรมชาติไม่ได้สร้างให้คนเพศเดียวกันมีลูกด้วยกันได้

ตัดใจเสีย หยุดความสัมพันธ์กับใคร ๆ เสีย  ไปวัดดีกว่า ไปศึกษาปฏิบัติธรรมดีกว่า
แล้วชีวิตคุณจะงดงาม ไม่ต้องไปแย่งใคร ไม่ต้องวิ่งตามใคร ไม่ต้องไปปลื้มใครอีก
ไม่ต้องมานั่งดึกดื่นเพื่อ chat กันให้เสียสุขภาพเปล่า ๆ ไม่ต้องทำให้คนฝั่งโน้นเขาทะเลาะกันด้วย

ทุกอย่างที่ผ่านมากับคุณ อย่าไปหาคำอธิบายอะไรให้มันมาก ฟุ้งซ่านเปล่า ๆ
บอกได้สั้น ๆ ว่า เพราะจิตคุณขาดการฝึกหัด ขาดการดูแล คนเราเมื่อทำสิ่งใดซ้ำ ๆ ก็จะติดสิ่งนั้น
พอติดก็กลายเป็นนิสัย แล้วก็กลายเป็นสันดาน

แต่คนเราทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าฝึกจิต

ไม่มีใครรักคนอื่นเท่าตัวเอง คุณรักตัวคุณเอง จึงโหยหาหาคนอื่นมาเพื่อสนองความต้องการตัวเอง

ต่อไป จงทำให้ตัวเองเป็นที่พึ่ง ไม่ต้องไปพี่งคนอื่น ให้พึ่งธรรม คิดทุกอย่างให้มันถูกธรรม ทำทุกอย่างให้มันถูกทำ พูดทุกอย่างให้ถูกธรรม คุณจะมีความสุขมาก

สมาทานศีล ค่อยงดอาหารเนื้อสัตว์ให้น้อยลง ๆ ฟังธรรมะทุกวัน เจริญสติ เดินจงกรมทุก ๆ วัน
ก่อนนอนก็สวดมนต์ แล้วก็แผ่เมตตา
แรก ๆ มันต้องฝืน นี่คือการฝึกหัดล่ะ ไม่ย่อท้อ อย่าตามใจตัวเอง แต่จงตามใจธรรม
แล้วชีวิตคุณจะก้าวหน้าไปอย่างลิบลับ

คนจำนวนมากที่ล้มเหลว เพราะขาดความรู้เรื่องจิต และไม่ฝึกจิต มีแต่ออกกำลังกายกันอย่างเดียว

ขอให้ทำต่อเนื่องสัก 2 ปี คุณจะเข้มแข็ง ใจจะมีพลัง และตัดขาดจากสิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่ได้
ชีวทัศน์จะกว้างขึ้น โลกทัศน์จะตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น และคุณจะรู้สึกว่า ที่ผ่านมา ใช้เวลาแบบไร้สาระไปตั้งเยอะแยะ

ลองฟังและปฏิบัติตามนี้ดูก่อน
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143

แล้วแนะนำให้ไปตรงนี้
http://www.3pidok.com/main.php?url=news_view&id=8&cat=C

หรือตรงนี้
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=185
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 20:51:58
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร