ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เรื่องครอบครัว
รายละเอียด
โยมมีลูกสาววัย12ขวบอยู่1คน แต่โยมได้หย่าขาดจากพ่อของเด็กมาได้ประมาณ5ปีแล้ว และก็ได้เลี้ยงลูกเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรเพราะรับรู้มาตลอด มาปีที่แล้วตอนที่ลูกอยู่ชั้นป.5 ช่วงๆปลายเทอม อยู่ๆลูกก็ไม่อยากไปเรียนโดยไม่มีเหตุผล ครูกับเพื่อนมาตามก็ไม่ยอมไป จนครูปกครองเรียกพบทั้งลูกและแม่ ไม่มีเหตุผลจากลูกว่าเพราะอะไรถึงไม่อยากไปเรียน แต่ลูกสัญญากับครูว่าจะไปเรียนตามปกติ เพราะครูชมว่าลูกเรียนดีและชอบทำกิจกรรมกับทางโรงเรียนตลอด มาปีนี้ตอนลูก12ปีอยู่ป.6 เทอมสุดท้าย เหลืออีกไม่กี่วันก็จะจบแล้ว ลูกกลับไม่ยอมไปเรียน หยุดๆไปๆ ในหนึ่งสัปดาห์ไปเรียน2-3สัน จนาวลาเรียนไม่พอพ่ให้แม่ต้องรู้สึกเสียใจทั ลูกไม่มีสิทธิ์สอบและเรียนไม่จบประถม โดยไม่มีเหตุผล ไม่เกเร เรียนดีกิจกรรมเด่น ได้รับทุนฯสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน เมื่อโยมถามถึงเกตุทีไม่ไปเรียน ลูกไม่ตอบ ต่อต้านด้วยการกรีดร้อง มองตาขวาง และใช้วิธีเดินหนีเข้าห้องน้ำ พี่ๆน้องๆตาและยายมาช่วยพูด ก็ไม่ฟัง จนทุกคนอ่อนใจไม่รู้จะทำยังไง โยมเครียดมาก เพราะเคยใช้ทุกวิธีแล้ว ทั้งไม่นวมไม่แข็ง ทั้งตีจนไม่อยากตี ไม่รู้จะดัดนิสัยลูกยังไงดี ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้ ลูกจะมีชีวิตในสังคมร่วมกับคนอื่นไม่ได้แน่ๆ เรียนขอคำปรึกษาจากอาจารย์ด้วยค่ะ ว่าโยมควรทำอย่างไรดี บางทีโยมคิดถึงขนาดอยากฆ่าตัวตายทั้ง2คน จะได้ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ถ้าโยมตายคนเดียว ลูกก็คงไม่มีใครเลี้ยงเพราะนิสัยแบบนี้ คงไม่มีใครทนด้วย ส่วนพ่อของลูกก็คงไม่รับำปเลี้ยงเพราะไม่อยากทนเลี้ยงเด็กนิสัยเสึีย
ความต้องการ
อยากหาที่จะขัดเกลานิสัยของลูกสาวหรือคำแนะนำวิธีแก้ปัญหา
ชื่อผู้ถาม
juree
วันที่เขียน
7 มีนาคม พ.ศ. 2557 13:55:41
จำนวนคนเข้าดู
1404

คำตอบ

คำตอบที่ 1
เขาอาจมีปัญหาบางอย่างกับใครบางคนในโรงเรียนที่ไม่กล้าบอก?
หรือว่า แม่ลูกแม้อยู่ด้วยกัน แต่มีช่องว่าง รู้สึกห่างเหิน เราเป็นคนโตผ่านโลกมากมากกว่า เราต้องเข้าใจเขาและช่วยถนอมฟูมฟักเขาได้

ระหว่างนี้ ทางแก้มีวิธีเดียวคือพาเขาไปเที่ยวไกล ๆ หน่อย แล้วก็มาแวะสวดมนต์ ไหว้พระ ปฏิบัติธรรมสัก 3-4 วัน
ไปตรงนี้เลย เป็นสำนักผู้หญิงล้วน ๆ (มีผู้ชายบ้างนิดหน่อย)
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143 

การปฏิบัติธรรม มันต้องต่อเนื่องและต้องมีระยะเวลา
แม่เองต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง นั่งสมาธิให้เป็น เดินจงกรมให้ได้ สงบนิ่งได้ ทำหัวใจให้เบิกบานให้ได้
ต้องเข้มแข็งให้เห็น อย่าอ่อนแรงจนคิดปลิดชีพตัวเองไป
พาเขาไปเลย

อีกอย่าง เด็กไม่มีความผิดอะไร อย่าต้องไปคิดทำร้ายเขาเลย
แม้ว่าเขาจะเป็นลูกเรา แต่เขาก็เป็นอีกชีวิตหนึ่ง เราไม่มีสิทธิไปทำให้เขาหมดลมหายใจ ไม่มีสิทธิแม้แต่จะคิด
แต่ถ้าเราทำแบบนั้น เราก็จะบาปหนักหลายเท่า เพราะทั้งฆ่าตัวเองทั้งฆ่าลูก
มีเงินทองน้อยกว่าคนอื่น ก็ไม่เป็นไร
เรียนจบช้ากว่าคนอื่นก็ไม่เป็นไร
ขอให้เขามีความสุข มีศีลมีธรรมก็พอแล้ว

แม่ต้องเจริญเมตตาให้มาก ให้เข้าใจคำว่าเมตตาให้ถูกต้อง
อย่าไปสนใจกับสายตาของสังคมมากนัก
รอสักระยะ เมื่อเขาพร้อม ก็จะต้องคิดศึกษาและพัฒนาตนเองได้
อาจจบช้าหน่อย ก็อย่าไปว่าหรือเปรียบเทียบกับใคร ๆ
แต่แม่ต้องอยู่เคียงข้างเขาเสมอ คอยให้ความรักความอบอุ่นตลอดเวลา
กอดลูกบ่อย ๆ เล่นหัวเขากับเขามาก ชวนเขาทำกิจกรรมด้วยกันบ่อย ๆ
อย่าให้เขาอยู่กับทีวี เพลง หนัง ละคร มือถือ เนตมากเกินไป
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
7 มีนาคม พ.ศ. 2557 17:03:16
คำตอบที่ 2
สำนักปฏิบัติตรงนี้
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=150
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
7 มีนาคม พ.ศ. 2557 17:09:24
คำตอบที่ 3
นมัสการขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ที่พระอาจารย์ได้ช่วยกรุณาแนะนำให้โยมนะเจ้าคะ
ชื่อผู้ตอบ
juree
วันที่เขียน
7 มีนาคม พ.ศ. 2557 17:49:50
ทั้งหมด 3 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร