สัมปะชาโน สติมา

“ปัญญา” นักปราชญ์ทั่วโลกต่างยกย่องว่าเป็นสิ่งที่ “สุดยอดของความรู้มนุษย์” ดังพุทธภาษิตที่ว่า “ปญฺญา หิ เสฏฺฐา กุสลา วทนฺติ นกฺขตฺตราชาริว ตารกานํ แปลว่า คนฉลาดกล่าวว่าปัญญาประเสริฐ เหมือนพระจันทร์ประเสริฐกว่าดาวทั้งหลาย”

“ปัญญา” นักปราชญ์ทั่วโลกต่างยกย่องว่าเป็นสิ่งที่ “สุดยอดของความรู้มนุษย์” ดังพุทธภาษิตที่ว่า “ปญฺญา หิ เสฏฺฐา กุสลา วทนฺติ นกฺขตฺตราชาริว ตารกานํ แปลว่า คนฉลาดกล่าวว่าปัญญาประเสริฐ เหมือนพระจันทร์ประเสริฐกว่าดาวทั้งหลาย” 

พระพุทธเจ้าของเราได้ทรงตรัสยกย่องปัญญาว่าเป็นดุจดังแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่กว่าแสงสว่างอื่นๆ ในโลก ดังพระบาลีว่า “ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต แปลว่า ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก” 


“ปัญญา” นั้น เกิดจากธรรมะอุปกรณ์ที่สำคัญคือ สติกับสมาธิ และมีกระบวนการตามลำดับ ๓ ประการ (ที่กล่าวเมื่อวาน) จนเกิดปัญญา
ลักษณะอย่างไรเรียกว่า “ปัญญา” 


ปัญญา คือความรู้ทั่ว รู้อย่างชัดเจน รู้อย่างมีเหตุผล รู้สิ่งใดควรทำและสิ่งใดควรเว้น และปัญญานี่เอง ทำให้เป็นคนรู้จักคิดก่อนทำ รู้จักทำอย่างมีสติ รู้จักพิจารณาอย่างรอบคอบ และปัญญานี่เอง ทำให้ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลงงมงาย และปัญญานี่เอง ทำให้คิดเป็น คิดสร้างสรรค์ ทำเป็น ทำอย่างมีคุณภาพ รวมความแล้วก็คือ ปัญญาทำให้เกิดความสุขทั้งทางโลกและทางธรรมนั่นเอง ดังพุทธภาษิตที่ว่า “ปญฺญา สุตวินิจฺฉินี ปญฺญา กิตฺติสิโลกวฑฺฒนี ปญฺญาสหิโต นโร อิธ อปิ ทุกฺเขสุ สุขานิ วินฺทติ แปลว่า ปัญญาเป็นเครื่องวินิจฉัยสิ่งที่ฟังแล้ว ปัญญาเป็นเครื่องเพิ่มพูนเกียรติคุณและชื่อเสียง คนผู้ประกอบด้วยปัญญาในโลกนี้ แม้ในความทุกข์ก็หาความสุขได้”

เขียนโดย : สายด่วนชาวพุทธ
เขียนเมื่อ : 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
อ่าน : 5885

สัมปะชาโน สติมาอื่นๆ