ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ตัดสินใจทำงานแต่ไม่สำเร็จสักที
รายละเอียด
โยมชื่อนุ่น อายุ17ย่าง18ปีค่ะ เพิ่งจบม.6เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พี่ของโยมเรียนมหาวิทยาลัย ปี1 มีงานสอนพิเศษนักเรียน ทำให้มีรายได้ส่วนตัว เอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัวได้ ตัวโยมเองอยากมีงาน อยากหาเงินไว้ใช้ส่วนตัวโดยไม่ต้องขอพ่อแม่เหมือนกัน จึงนั่งรถไปหาสมัครงานที่ต่างๆ พวกร้านหนังสือ เคเอฟซี ฮะจิบัง แต่ก็ไม่มีคนรับ อาจเพราะอายุน้อยเกินไป โยมเลยมาลองหางานที่ทำผ่านอินเตอร์เน็ตดู มีเมลล์ส่งมาทางอีเมลล์ว่ารับสมัครงานทำที่บ้านผ่านเน็ตรายได้ดี ทำวันละ2-3ชั่วโมง ก็ลองสมัครไป มีคนโทรกลับมาอธิบายงานแล้วนัดเข้าไปเรียนรู้งาน โยมก็ไปตามวันนัด ปรากฏว่างานนี้ไม่ใช่งานพิมพ์งานผ่านอินเตอร์เน็ตธรรมดา เป็นงานขายตรงอาหารเสริมทางอินเตอร์เน็ต จากที่ฟังงานงานนี้น่าเชื่อถือ มีคนทำแล้วรายได้ดีเดือนละหลักล้านก็มี เขาบอกว่าลงทุนครั้งเดียวรับรายได้ตลอดชีพ โยมก็สนใจเหมือนกัน เลยลองทำดู ใช้เงินเก็บที่พอมี เงินในบัญชีที่พ่อแม่ฝากไว้ให้ แล้วก็ยืมเพื่อนอีกนิดหน่อย มาลงทุน ตอนนี้ทำงานนี้มาได้ประมาณ3เดือนแล้ว ยอมรับว่าผลิตภัณฑ์ของเขาดีจริง ขายได้ ตอนนี้ใช้หนี้เพื่อน และตัวเองได้หมดแล้ว แต่งานนี้จะมีการสร้างสาขาด้วย ก็คือรายได้ที่เขาได้กันเยอะๆทุกเดือนตลอดชีพนี้มาจากการสร้างสาขา คือหาคนมาทำงานเพิ่ม คนประสบความสำเร็จเขาก็พูดกันว่าง่าย แต่ตัวโยมเองอายุก็ยังน้อย ตอนนี้ช่วยงานแม่ที่บ้านด้วยทำงานนี้ไปด้วย ไม่ค่อยมีเวลา เพราะความจริงไม่ได้ใช้แค่2-3ชั่วโมงต่อวันแล้วจะได้จริงๆ ปัญหาที่ตามมามันก็มีเยอะ แล้วยิ่งไปกว่านั้น ที่ปรึกษาของโยมเพิ่งมาบอกว่า จะต้องรักษาคะแนนให้ได้อย่างน้อย100คะแนนต่อเดือน คือถ้าขายของไม่ได้ ต้องมาซื้อของให้ได้แต้ม100คะแนนทุกเดือน (ที่ปรึกษาคือคนที่ส่งเมลมาหาโยม เรียกไปฟังงาน ช่วยสอนงานโยม) ตัวโยมที่เคยคิดว่าจะทำงานช่วงปิดเทอม เปิดเทอมจะตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่หยุดงานไปก่อนก็เริ่มสับสน ไหนว่าลงทุนครั้งเดียว เราก็ไม่ได้มีรายได้มากมาย ของเขาก็ค่อนข้างแพง โยมไม่สบายใจ รู้สึกว่าตัวเองทำผิด ตัดสินใจผิด ทำให้แม่ต้องมารับภาระไปด้วย เพราะแม่ก็ลองช่วยขายของกับคนรู้จักดู ตอนนี้ไม่กล้าบอกแม่ว่าต้องเสียเงินรักษาคะแนนทุกเดือน กำลังคิดว่าจะเลิกทำงานนี้ดีไหม เพราะจริงๆแล้วโยมเป็นคนเก่งพอตัว ตอนนี้ได้ศึกษาคณะเทคนิคการสัตวแพทย์ ม.เกษตร ถ้าจะเรียนได้ดีๆหางานดีๆทำก็ไม่ยาก แต่อีกใจยังนึกเสียดายว่าสักวันอาจหาคนมาทำงานต่อใต้ตัวโยมได้ก็จะได้เงินโอนเยอะทีเดียว โลภนั่นเอง คือไม่มั่นใจว่าจบไปทำงานจะมีเงินมากพอมาเลี้ยงพ่อแม่ไหม อยากได้เงินเยอะๆ ใจหนึ่งอยากเลิกทำ อีกใจก็ลังเล ไม่รู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไรดี ประกอบกับท้อแท้ ไม่ได้คนมาทำงานต่อสักที ที่ปรึกษาก็ไม่ค่อยช่วย ไม่ค่อยแนะนำ มีแต่บอกให้ทำไป ทำต่อเนื่อง ทำเยอะๆ ตอนนี้เหนื่อย และไม่มีความสุขเท่าที่ควรเลยค่ะ
ความต้องการ
อยากให้พระอาจารย์ช่วยให้คำปรึกษากับโยม ว่าโยมควรทำอย่างไร ทำงานต่อหรือเลิกทำดี แล้วถ้าเลิก จะใช้คำพูดยังไงพูดกับหัวหน้างานของโยมดีคะ ให้เขาเข้าใจ เพราะคนทำงานที่นี่เชื่อมั่นในงานที่นี่มากว่าได้ผลดี แต่โยมไม่รู้จะใช้คำพูดอย่างไร รบกวนช่วยโยมทีนะคะ นมัสการขอบพระคุณค่ะ
ชื่อผู้ถาม
นุ่น
วันที่เขียน
30 มิถุนายน พ.ศ. 2557 14:56:33
จำนวนคนเข้าดู
1052

คำตอบ

คำตอบที่ 1
การทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน จะกินเวลา และเหนื่อยมาก
ว่ากันที่จริง ทุกคนก็อยากมี อยากมีเงินเยอะ ๆ ทั้งนั้น และมักจะหลงเคลิ้มไปกับกลอุบายทางการตลาดของธุรกิจเครือข่ายทำนองนี้
และถ้าจะมองอย่างแท้จริงแล้ว ธุรกิจแบบนี้ อยู่ได้เพราะคนทำงานต้องการรักษาคะแนนนั่นเอง จึงต้องซื้อใช้ซื้อกินเอง หรือซื้อไปแจกคนอื่น เมื่อถึงเวลาหนึ่ง ก็ต้องเลิกไป (แต่บริษัทเขาได้กำไรได้อะไรมากมายแล้ว)

ถ้าเป็นไปได้ เราควรไปตั้งใจเรียนให้ดีก่อนดีกว่า
ถ้าทางพ่อแม่ที่บ้านพอจะช่วยค่าใช้จ่ายในการเรียนได้ หรือพอจะกู้ทุนการศึกษามาเรียนได้
ยังไม่ต้องมาเร่งรีบอยากมีเงินทองมาก ๆ ด้วยธุรกิจแบบนี้

ก็คุยกับเขาตรง ๆ นั่นแหละว่า ทางบ้านให้เรียนก่อน 
ส่วนงานก็หยุดไว้ก่อน ไม่ต้องไปหาใครมาต่อเราอีก เพราะสุดท้าย เขาจะคิดเหมือนกันกับเรา คือแรก ๆ นั้นรายได้ดี นาน ๆ ไปก็ต้องรักษาคะแนน รักษายอด สินค้าก็ไม่ได้ราคาถูก บางทีเราอาจรู้สึกว่า เป็นสินค้าส่วนเกินจำเป็นด้วยซ้ำ

ไม่มีหรอกธุรกิจอะไรที่ลงทุนครั้งเดียวแล้วมีใช้มีกำไรตลอดชาติ อย่าไปหลงแบบนั้น

ขอให้ใช้สตินึกคิดให้ดี อย่าไปกังวลว่า เรียนจบแล้วจะมีงานอะไรดี ๆ ให้ทำไหม ทำงานอะไรดี มีรายได้มากขนาดไหน
ขอให้เรียนให้ดี ขอให้เรียนอย่างมีความสุข เรียนให้จบก่อน เพราะสาขาที่เราสอบเข้าได้นั้น ไม่ต้องห่วงเลย มีงานทำอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องงาน เอาไว้หลังเรียนจบค่อยว่ากันใหม่
อาจเป็นงานนี้หรืองานอะไรก็ค่อยว่ากันอีกที
เรียนให้จบก่อน ดีที่สุด
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
30 มิถุนายน พ.ศ. 2557 15:22:09
คำตอบที่ 2
นมัสการขอบพระคุณมากค่ะพระอาจารย์ :)
ชื่อผู้ตอบ
นุ่น
วันที่เขียน
30 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19:01:09
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร