ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ทะเลาะกับคุณแม่ เครียดมาก
รายละเอียด
สวัสดีค่ะ หนูชื่อเกศค่ะ ทะเลาะกับคุณแม่มาเดือนกว่าแล้วด้วยเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ร้ายแรงอะไร แต่มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่จนเครียดอยู่ทุกวี่วันค่ะ หนูชอบเลี้ยงปลามากค่ะ รักเลยแหล่ะ โดยเฉพาะปลาทอง เคยเลี้ยงตอนอยู่มัธยม(ตอนนี้อายุ 25 ทำงานแล้วค่ะ) แต่ตายหมดแล้ว เพราะตอนนั้นเลี้ยงเพราะอยากเลี้ยง ไม่มีความรู้ ก็เลยดูแลมันไม่ดีเท่าที่ควร พอขึ้นมหาวิทยาลัยก็เลิกเลี้ยงไปพักนึง แล้วก็กลับมาเลี้ยงอีกค่ะ คราวนี้ดูแลเอาใจใส่มันดีค่ะ เลือกปลาตัวเล็กๆที่อึดๆค่ะ ชอบดูมันว่ายน้ำ เอาไว้เป็นเพื่อนอ่านหนังสือ แต่คุณแม่ไม่ชอบค่ะบอกว่า แทนที่จะเอาเวลาไปเลี้ยงปลา ให้เอาไปอ่านหนังสือดีกว่า เวลาแม่มาเยี่ยมที ต้องเอาตู้ปลาไปฝากไว้ที่ห้องเพื่อนค่ะ พอเรียนจบ กลับบ้านก็เลยต้องจำใจปล่อยลงสระที่มหาลัย เพราะรู้ว่าแม่ไม่ให้เลี้ยงแน่ๆ ตอนนี้ก็ทำงานแล้ว เหมือนเดิมค่ะ อยากเลี้ยงปลา ก็เลยเลี้ยง แต่เลี้ยงที่ที่ทำงานนะคะ คราวนี้ หาข้อมูลเตรียมตัวมาเต็มที่ค่ะ ไม่อยากให้มันตายอีก ซื้อตู้ปลา กะปลาทองค่ะ แต่ในเมื่อปลาที่เราชอบ มันค่อนข้าง ตายง่าย เลี้ยงยาก ก็เลยต้องเอาใจใส่มันมากหน่อย (ต้องมีตัวให้ออกซิเจน เครื่องกรองน้ำ ฮีทเตอร์ควบคุมอุณหภูมิ ยารักษาโรคเวลามันป่วย เปลี่ยนน้ำบ่อยๆเพื่อรักษาคุณภาพน้ำ เรื่องอาหาร จิปาถะค่ะ ปลาจะได้ไม่ป่วยค่ะ) ก็เลี้ยงไปเรื่องๆ จนกระทั่งมีตัวนึงป่วยจนได้ค่ะ ก็เลยต้องแยกมาแช่ยารักษา เปลี่ยนน้ำบ่อยๆจนกว่ามันจะหายค่ะ ซึ่งก็ต้องใช้เวลา ไม่ใช่จะหายในวันสองวันเสียหน่อย(เหมือนคนนั่นแหล่ะค่ะ) ซึ่งหนูก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะลำบากอะไรมากมาย เพราะหนูรักมันมากค่ะ ไม่อยากให้มันตาย จะดีใจมาก หายเหนื่อยไปเลยแหล่ะ ถ้ามันหายดี แต่คุณแม่ค่ะ มีปัญหากับการเลี้ยงปลาของหนูมาก บอกว่ามันวุ่นวาย ไร้สาระ สิ้นเปลือง เป็นภาระทั้งที่หนูเลี้ยงเอง ไม่ได้ให้คุณแม่เลี้ยง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ก็ไม่ได้มีผลกระทบมากค่ะ (ได้เงินเดือนประมาณ ห้าถึงหกหมืนค่ะ) ซึ่งก็เป็นเงินที่หนูหามาเองทั้งหมด พอปลาป่วยก็ต้องรักษา ดูแลมันค่ะ(มันเป็นธรรมดาของชีวิตกับความเจ็บป่วย คนยังป่วยได้เลย นับประสาอะไรกับปลา จริงไหมคะ???) แต่คุณแม่ ก็มีปัญหาเช่นเดิม บอกว่า ถ้ามันต้องวุ่นวายมากก็ปล่อยให้มันตายๆไปซะ บอกว่าปลาเป็นตัวถ่วงของหนู หนูก็เลยบอกว่าน้องรหัสของหนูที่มหาลัยก็เรียนอยู่ ยังเลี้ยงปลา เพาะปลาได้เลย แม่ก็บอกว่า น้องรหัสหนูก็ปัญญาอ่อนเหมือนกัน เอาเวลามาเลี้ยงปลา สำหรับหนูแล้ว ถ้ามันป่วย หนูจะรักษาเต็มที่ให้ถึงที่สุดก่อนค่ะ ถ้ามันไม่ไหวจริงๆก็คงต้องปล่อยมันไป แต่เหมือนแม่หนูจะไม่เข้าใจ และไม่มีทางเข้าใจได้เลยยยยยยยยยย จะให้ปล่อยมันตายอย่างเดียวถ้าต้องวุ่นวาย เจอหน้ากันทุกครั้ง ก็ต้องมีปัญหากับเรื่องนี้ทุกครั้ง ไม่เข้าใจเลย เรื่องไม่เป็นเรื่อง มันก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ให้เครียดตลอดเลยค่ะ
ความต้องการ
ไม่อยากทะเลาะกับคุณแม่เลยค่ะ รู้ว่ามันบาป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงค่ะ
ชื่อผู้ถาม
เกศ
วันที่เขียน
18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 01:41:55
จำนวนคนเข้าดู
1328

คำตอบ

คำตอบที่ 1
เราก็เลี้ยงและดูแลปลาไปตามปกติ
แต่ จัดสรรเวลาดูแลแม่เราให้พิเศษขึ้นกว่าปกติที่เคยทำ น่าจะดีขึ้น
วันสำคัญ ๆ ก็ซื้อดอกมะลิมาไหว้ขอขมาแม่บ้าง
แม่จะได้รู้สึกว่า เรายังเห็นแม่สำคัญกว่าปลา
คนอายุมากแล้ว จะคิดมากและกังวลมาก คิดหลายเรื่อง ปล่อยวางยาก
เราต้องเข้าใจแม่เราด้วย ประสบการณ์ในชีวิตของแม่เขาเติบโตในยุคที่ต่างจากเรา 
เราต้องพยายามเข้าใจเขาและเห็นใจเขาให้มาก

บางทีแม่อาจอยากให้คุณมีครอบครัว มีหลาน ๆ ให้แกอุ้มเล่นหัวก็ได้
บางทีแม่ก็อาจไม่มั่นใจว่า คุณจะอยู่กินอย่างไร เมื่อยังไม่มีครอบครัว
แต่เรื่องนี้ คุณก็ยังไม่ต้องไปกังวลหรือทำตามแม่อะไร รอให้เวลามันถึงพร้อม ทุกอย่างก็จะเป็นไปเอง

แต่เชื่อว่า ที่แม่พูดที่แม่ทำสารพัดหลายอย่าง เพราะแม่เขาห่วงใยเรา
ต้องขอบคุณแม่ให้มาก

วิธีการคือ พยายามพูดคุยกับแม่ด้วยความนิ่มนวล อ่อนโยน เย็นใจ  ไม่โต้ ไม่วิวาทะ ไม่เสียงดัง
ไม่เสียงแข็ง ไม่ตึงตัง ไม่ประชด ไม่ท้าทาย ทำแบบนี้บ่อย ๆ จนเป็นปกติ เชื่อว่าไม่นาน แม่เราก็จะอ่อนและเข้าใจเราในที่สุด
เพราะแม่ก็อายุมากแล้ว ถ้ายังแข็งยังถือทิฐิอยู่ แม่ก็จะเครียดเปล่า ๆ 

คนเวลาเครียด ๆ เวลาโกรธจัด ๆ เส้นเอ็นเลือดลมในร่างกายจะทำงานแบบผิดปกติ ทั้งเส้นเลือดโป่ง เต้นตุบ ๆ 
จะมีผลทำให้อายุสั้นและเป็นโรคภัยแทรกซ้อนได้ง่าย
ถ้าแม่เครียด เราต้องหาวิธีคลายเครียดให้แม่ อย่าเดินหนีแม่ อย่าปิดประตูหนีแม่
การสัมผัส การกอดที่อ่อนโยนนุ่มนวล ก็เป็นยารักษาโรคได้ 
อย่าอายว่า เราอายุมากแล้ว กอดแม่ไม่ได้
แม้ว่าเราจะอายุมากขนาดไหน ในสายตาแม่ เราก็ยังเป็นเด็กอยู่นั่นเอง

เรื่องแค่นี้ ยังไม่น่าต้องเครียดอะไร
ลองฟังและฝึกเจริญสติตามนี้ดูหน่อย
แล้วจะเข้าใจความจริงของชีวิตมากยิ่งขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น เข้าใจโลก เข้าใจแม่ที่อายุต่างจากเรามีประสบการณ์ชีวิตต่างจากเรามากยิ่งขึ้น
ตามนี้ http://buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143
 
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 20:29:36
คำตอบที่ 2
ขอบพระคุณมากค่ะ ตอนนี้ตกลงกันได้แล้วค่ะ
ชื่อผู้ตอบ
เกศ
วันที่เขียน
19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 22:11:27
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร