ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

ชีวิตคู่
รายละเอียด
กราบนมัสการค่ะ ตอนนี้สามีของลูกป่วยแต่อาการก็ไม่ได้หนักมากมาย แต่อยู่ดีๆเมื่อวานนี้เขาไม่ยอมคุยกับโยม ค่าครองชีพ หรือบางทีพูดด้วยก็ไม่ยอมพูดด้วย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนขี้เล่น โยมพยายามถามว่าโกรธอะไร ก็ไม่ยอมพูด โยมเสียใจและร้องไห้ เขาก็ยังไม่ยอมพูดด้วย ตอนนี้โยมเริ่มอ่อนใจ ไม่อยากไปง้ออีกแล้ว ก่อนหน้านี้โยมจับได้ว่าเขาคุยกับผู้หญิงคนอื่นในเชิงชู้สาว โยมก็ให้อภัย นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่โยมรู้แต่ด้วยไม่อยากโกรธแค้นจึงให้อภัยกัน แต่เขากลับมาทำกับโยมแบบนี้ ไม่พูดอะไร ทั้งๆที่โยมไม่ผิด โยมทำงานเสร็จก็ไปนอนเใ้าที่โรงพยาบาลทุกคืน ถ้าหากว่าบอกโยมว่าอยากเลิกหรืออะไรก็แล้วแต่พูดตรงๆก็ยินดี ถึงแม้ว่าโยมจะเสียใจก็เถอะ แต่ทำแบบนี้มันเจ็บมากกว่าอะไรทั้งหมด บางทีโยมก็ท้ออยากจะเดินจากไปเหลือเกิน โยมจะอยู่ต่อหรือจะเดินจากไปดี
ความต้องการ
โยมจะอยู่ดูแลเขาให้หายดีก่อนแล้วค่อยจากไปหรือจะต้องทนแบบนี้ไปเรื่อยดี ตอนนี้โยมทุกข์ใจมีวิธีการใดช่วยให้โยมคลายทุกข์ได้บ้าง ขอบคุณค่ะ
ชื่อผู้ถาม
yok
วันที่เขียน
2 กันยายน พ.ศ. 2557 22:32:45
จำนวนคนเข้าดู
1540

คำตอบ

คำตอบที่ 1
เรียกญาติพี่น้องเขามาดูด้วยก็ดี ว่าเขาเป็นโรคอะไร จึงมีอาการแบบนี้
หากจะจากลากัน ก็ขอให้จากกันด้วยดี และให้จบสิ้นทุกอย่าง ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก
และไม่ควรหวนกลับมาคบกันเป็นแฟนอีก เพราะมันจะมีการเลิกครั้งที่ 2 -3 -4 ตามมาไม่จบสิ้น

การโลเลลังเล ทำให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย
จะตัดสินใจอย่างไร ขอให้เข้าใจดีกันทั้งสองฝ่าย
ชีวิตไม่มีอะไรมากมายหรอก ไม่ถึง 80 ปี ก็คงจากโลกนี้กันไปแล้ว
ถ้าอยู่กันแล้ว มีแต่ทุกข์ไม่สุข ปรับเข้าหากันแล้วก็ไม่ได้ ก็ควรหาทางใหม่ เพื่อความสุขความก้าวหน้าของทั้งสองฝ่าย

ขาดเขา เราต้องอยู่ได้ เพราะจริง ๆ ตัวเขามาทีหลังพ่อแม่เราด้วยซ้ำ เอาเวลาไปดูแลพ่อแม่เราไม่ดีกว่าหรือ
เขาขาดเรา เขาก็ต้องอยู่ได้ เชื่อสิไม่นานหรอก เขาก็จะมีคนใหม่มาแทนที่เราทันทีเลย
เพราะชีวิตของใครก็ของมัน
มาอยู่ด้วยกันชั่วคราวเท่านั้น
และสมมุติว่าเป็นผัวเมียกันแค่นั้น

จงหาที่พี่งที่แท้จริงของชีวิต
นั่นคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ฝีกเจริญสติตลอดเวลา มองทุกอย่างเป็นอนิจจัง ไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
เราทำดีที่สุดแล้ว
อะไรจะเกิดต่อไป ก็พร้อมจะรับมัน
ฝึกฟังตามนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
3 กันยายน พ.ศ. 2557 09:28:24
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร