ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

น้อยใจชิวิต
รายละเอียด
ผมเป็นเด็กธรรมดาเริ่มต้นที่ชีวิตแสนสุข จนอายุ9 ขวบ พ่อกับแม่อยากจะรวยจึงไปยืมเงินนายหน้ามา2แสน แล้วเอามาปล่อยเงินกู้ สุดท้ายก็โดนโกงจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน. แม่กลับไปลำปางบ้านเกิดไม่ได้เพราะหนี้สิ้น ก็เลยหนีมาอยู่กรุงเทพ เรา3คนเรื่มต้นชีวิตใหม่แม่กับพ่อแยกกันทำงานผ่านไปไม่ถึงปี พ่อก็เจาคนใหม่พ่อกับแม่ทะเลาะกันจนเลิกกันไป แม่เอาแต่ร้องไห้โทษพ่อเรื่องหนี้สินที่ลำปางบอกว่าพ่อพามาลำบากแล้วก็ทิ้งไปมีคนอื่น เวลาผ่านไปแม่ก็มีคนใหม่จนผมเป็นเหมือนส่วนเกิด ผมก็ถูกส่งไปให้ย่าเลี้ยง ตั้งแต่ป4ทุกวันอาทิตย์ผมจะไปนอนกับแม่วันจันก็กลับมาอยู่กับย่า ผ่านไปจนผมจบม1 แม่ทะเลาะหับแฟนใหม่จนเลิกกัน ทำให้แม่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมผม น่าแปลกดีทั้งที่ญาติฝั่งพ่อมีเป็น10คนแต่ค่าเทอมของผมแค่5000บาท กลับไม่มีใครช่วยเลยอาจเพราะผมติดเกมจนเกดช่วยหลังตก สิ่งที่ญาติๆแนะนำคือการส่งผมไปบวช หลังจบม1 แม่จึงส่งผมไปบวชสามเณรฤดูร้อน ผมบวชจนจบถึงเวลาที่ต้องสึก แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับเป็นความว่างเปล่า ผมนั่งดูเพื่อนๆลาสิกขา กันจนหมดมีพ่อแม่มารับ แต่ผมไม่มีใครเลย ผมได้แต่ร้องไห้ร้อง ร้อง ร้อง ร้องจนเข้าใจว่าชิวิตผมมันคงต้องอยู่คนเดียวไตลอดไม่มีใครที่ช่วยตัวเราได้นอกจากตัวเองแม้ญาติๆจะมีบ้าน มีรถ มีงานที่ดีชิวิตที่ดี แต่นั้นก็ชีวิตเขาแม้จะขึ้นชื่อว่าญาติแต่กลับไม่มีใครสนใจผมแค่ค่าเทอม5000กลับไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือ ขนาดเจ้าของที่ทำงาจพ่อเขายังจะช่วยผม ช่วยผมไปดป็นลูกบุญธรรมจะส่งเสียให้เรียนเพราะเขาส่งสารที่พ่อทิ้งผมไปขนาดเขาเป็นคนอื่นไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแตีเขายังอยากช่วย น่าตลกดีที่ผมเลือกปฎิเสธเขาไปเพราะรักแม่อยากอยู่กับแม่ คิดได้ผมก็ปลงชีวิต ใช้ชีวิตสามเณรตืนตี3ตีระฆังทำวัตร เดินธุดง ใช้ชีวิตบนเขาใหญ่มีมีไฟไม่มีเทคโนโลยี แม่จะมาเยี่ยมบ้าง 3เดือนครั้ง เวลาผ่านไ1ปีกับวัดทีทผมอยู่ จนแม่ได้กลับมาคุยกับแฟนเก่า เขาไปเป็นคนขับรถให้หลวงพ่อที่วัดแถวยโสธรที่นั้นมีการสอนหนังสือได้ใบวุฒิเหมือนโรงเรียนทั่วไปเขาจึงแนะนำผมให้ไปเรียนที่นั้น แม่เลยมาพาผมผมไปยโสธรเพื่อบวชเรียน ใช้เวลาอยู่3ปีก็เรียนจบม3 ผมจึงลาสิกขามาใช้ชีวืตเป็นคนธรรมดาเพราะอยากอยู่กับแม่บ้างอยากใช้ชีววิตวัยเด็กที่ขาดหายบ้าง ผมได้ทำงานหลายที่7-11 ที่ทำแล้วเหนือยสุดๆ โรงงานทั่วไป เซลขายของ จนเมื่อเมษาปีปัจจุบันผมได้ออกจากที่ทำงานเพราะที่ทำงานไกลเกินไป มาอาศัยแม่อยู่ แม่อาศัยอยู่ที่ห้องเช่าทั่วไป มีพื้นที่แค่แมวเดินเล่นได้ ผมอยู่กับแม่เงินก็ไม่มีจึงต้องขอแม่ใช้ ไปสมัครงานเขาก็ไม่รับ เขาบอกว่าผมจะเกณทหารเเล้วให้รอเกณเสร็จก่อนเขากลัวผมติดทหารแล้วจะไม่มีคนทำงาน ผมพยายามไปสมัครหลายที่เวลาไปก็ต้องขอเงินเเม่ไป แต่ก็ยังไม่ได้งาน จนเวลาผ่านไป นับถ่อยหลังไปสามวันก่อน ผม ะเลาะกับแม่เพนาะหางานไม่ได้ แม่ก็โกรธมากที่ผมนั่งกินนอนกินอยู่ห้องขอเงินแม่ไปวันๆ เลยบอกให้ผมไปสมัครงานที่พัทยา(เคยมีคนแนะนำว่าให้ไปที่นั้นเขามีคนรู้จักอยู่ได้งานแน่นอน) แม่ให้เงินผมมา800บาท เพื่อไปทำงานที่นั้น ผมก็เข้าใจว่าแม่ลำบากต้องจ่ายค่าห้อง ไหนจะส่งเงินให้น้องที่อยู่ลำปาง น้องที่แม่ทิ้งมาเพราะหนีหนี้ทิ้งให้ยายดูแล ไหนจะค่ากินอยู่อีก ให้ผมอีกก็คงไม่พอใช้ แต่การที่ให้ผมไปพัทยาแม่คิดดีแล้วหรอ ให้ผมไปในที่ที่ไม่เคยไปไปหาคนที่ไม่รู้จัก ผมจะพักที่ไหนแล้วถ้าได้งานจริงๆผมจะทำยังไง 800 ใช้ทั้งเดือนหรอ ค่าเช่าห้องยังไม่พอเลยแค่ค่ารถไปก็200แล้ว ผมเลยเก็บเสื้อผ้าออกมา แล้วมาอยู่บ้านเพื่อนพยามใช้เงิน800หางานแต่ก็ไม่ได้งานซักทีจนเงินจะหมดแล้ว จะให้อาศัยบ้านเพื่อนนานๆก็เกรงใจ ที่ไปก็ไม่มี กลับไปหาแม่ก็ได้ทะเลาะกันอีก ผมควรทำไงดีไปพัทยาแล้วอดตายแถวนั้นดีไหม? (ผมเกณทหารปีหน้า)
ความต้องการ
อยากได้งานทำ เป็นpattimeก่อน จนกว่าจะเกณทหาร จะได้ไม่โดนแม่ว่า จะได้มีเงินช่วยแบ่งเบาภาระซะที ที่สำคัญเลยคือผมต้องหยุดวันอาทิต เพื่อเรียนกศนต่อ
ชื่อผู้ถาม
เด็กหลงทาง
วันที่เขียน
16 กันยายน พ.ศ. 2557 06:16:02
จำนวนคนเข้าดู
1696

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ก่อนอื่นเลย ต้องขอชมเชยเราก่อน
 
  • ถ้าเทียบจากคนอายุเท่ากันแล้ว การเล่าเรื่องด้วยสำนวนเช่นนี้สวยงามและแสดงออกถึงวุฒิภาวะมาก เราเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตได้แน่นอน
  • เรามีความคิดและการวางแผนชีวิตไปในทางที่ถูกต้องสมเหตุสมผลดีมาก
  • เราเป็นผู้ที่ใส่ใจรายละเอียด,ความต้องการ และความจำเป็นของคนรอบข้างรวมทั้งตัวเองได้ดี
  • เรามีลำดับประสบการณ์ชีวิตที่สวยงาม ทั้งจุดเริ่มต้น,สภาพครอบครัว และประสบการณ์การใช้ชีวิตที่หลายคนไม่เคยได้เรียนรู้ และนั่นเป็นเหตุให้เรามีความคิดเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้นั่นเอง
“การได้เกิดมาเป็นเพศนักพรต ล้วนประเสริฐและงดงามยิ่ง” กล่าวคือ ได้เกิดมาเป็นชายนั้น ถือเป็นศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่สูงสุด ฟ้ามอบร่างกาย พละกำลัง และสัญชาตญาณการมีชีวิตมาให้เราโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ลูกผู้ชาย สูงสุดก็คือความอดทนอดกลั้น เมื่อกำหนดอดกลั้นอารมณ์ได้ทั้งปวงก็ ไม่มีสิ่งใดจะมากระทบ เราได้ การอดกลั้นได้แก่
 
  • อดกลั้นต่อความอ่อนแอ ที่มีต่อความสังเวชใจในชะตากรรมของตัวเอง
  • อดกลั้นต่อความขัดข้องจากอุปสรรคมากมายที่เข้ามารบกวนการดำเนินชีวิต
  • อดกลั้นต่อความยากลำบากในการทำมาหากิน
  • อดกลั้นต่อสภาพการกินการอยู่ที่ฝืดเคือง
เหล่านี้คือสิ่งที่เราพยายามทำอยู่ใช่มั้ย ถ้าอดกลั้นแล้วบางครั้งเรามันอ่อนแอจริงๆ ก็ให้ผ่อนคลายมัน  ปล่อยอะไรๆมันผ่านไปตามสภาพของมันบ้าง  เรามีสิทธิ์น้อยใจได้  ท้อแท้ได้ แต่อย่าลืมว่าโดยธรรมชาติของเรา เราคือนักสู้ เราคือนักล่า เราคือกำลัง เราเป็นทั้งกำลังของแม่ เป็นทั้งกำลังของสังคม และที่สำคัญเป็นกำลังเดียวที่จะพาตัวเราเองไปสู่อนาคตที่เราฝันหวานอยากจะมี ถามตัวเองว่าอีก 10 ปีข้างหน้าอยากจะสบายหรือลำบาก ตอนนี้เราก็ทำถูกแล้ว ที่เห็นความสำคัญของการเรียน
แต่...การทำงานเป็นอนาคตที่สำคัญเช่นกัน การเลือกงานที่ดีนั้นสำคัญมาก
งานที่ดีนั้นต้องมีปัจจัยดังนี้ คือ:
 
  • งานที่ทำแล้วอนาคตไม่นำเรื่องเดือดร้อนมาให้
  • งานที่อยู่ในสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี
  • งานที่ทำแล้วมั่นใจว่าเราน่าจะคลุกคลีกับมันไปได้ระยะเวลานานพอสมควร
  • งานที่สามารถต่อยอดอนาคตทางรายได้ที่มั่นคงได้
  • งานสุจริต กล่าวคือ ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ไม่ผิดกฏหมาย ไม่ทำร้ายใคร ไม่อยู่ในสถานที่ที่ ไปส่งเสริมให้ใครทำบาป หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการเบียดเบียนผู้อื่น
กรณีที่ไม่มีเวลาหางานดีๆได้นั้น ก็ลองนั่งทำสมาธิให้จิตใจนิ่งๆสักครู่  ตัดคำพูดของใครๆออกไปให้หมด คำพูดที่มากดดันเรา คำพูดที่ตีกรอบการตัดสินใจของเรา ออกไปก่อน เพราะคำพูดเหล่านั้นมันจะทำให้เราตีบตัน คิดไม่ออก มันจะวกวนคิดไปตามที่เขาขอร้องทั้งหมด จนหาทางออกอื่นไม่ได้ ทั้งที่จริงๆแล้ว ตัวเรารู้ดีว่าเขาให้โจทย์มาแล้ว คือ “ให้หางานทำ” นั่นคือผลลัพธ์ ถามตัวเองว่าเรามีพรสวรรค์อะไรมั้ย ที่พอจะสร้างเงินได้ และ มีความสุขกับการเรียนไปด้วย
ลักษณะของงานประจำ ในท้องตลาดเวลานี้
1) ทำวันจันทร-ศุกร์ หยุดเสาร์อาทิตย์ เวลา 08.00-17.00/08.00-18.00/08.00-17.30 เหล่านี้ได้แก่งาน ในโรงงาน งานในนิคมอุตสาหกรรม ที่กระจายตัวอยู่ในเขตอุตสาหกรรมได้แก่ ระยอง ชลบุรี อยุธยา สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี นครราชสีมา ลำพูน ขอนแก่น ศรีษะเกษ และอีกมากมาย จังหวัดเหล่านี้มี ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนแน่นอน หากสนใจเราหาที่เรียนได้ด้วย ส่วนใหญ่ใช้วุฒิ ปวช ปวส ม.3 ม.6 ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง เงินเดือนอยู่ที่ประมาณ 8000-12000 บาท รายเดือน รายวัน 330บาท/วัน
2)งานที่ทำจันทร์-เสาร์ ก็มีลักษณะข้างต้น แต่จะมีธุรกิจอื่นด้วยเช่น งานธนาคาร ห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า บริษัทบางบริษัท กึ่งรัฐวิสาหกิจ รายได้มีทั้งรายวันและรายเดือน
ลักษณะงานพาร์ทไทม์ ที่แนะนำได้แก่ งานบริการเสริฟในร้าน เบเกอรี่ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร พนักงานทำขนมเบเกอรี่ในห้าง พนักงานห้าง เด็กประจำร้านหนังสือ ร้านห้างหุ้นส่วนจำกัดต่างๆ นักร้อง นักดนตรี ช่างภาพ ช่างซ่อมต่างๆ พนักงานขับรถ (อันนี้เงินดี) รับจ้างต่างๆ วาดภาพหรืองานศิลปะแขนงต่างๆ รับจ้างเขียนบทความ ขายของออนไลน์  นอกจากนี้ยังมีงานอีกประเภทที่เรียกว่า Freelance คืองานอิสระ คนนิยมและใฝ่ฝันกันมาก คืองานที่รับทำเป็นงานๆไป ทำจบ 1 ครั้งรับเงินเลย ส่วนใหญ่จะต่างจากรับจ้างคือเราได้ใช้ความรู้เฉพาะทางที่เราเจ๋งจริงๆในเรื่องนั้นๆ และได้เงินเร็วและเงินเป็นก้อน  เช่น งานแปลภาษา มีงานก็โทรเรียก จบงานรับเงิน งานออกแบบบ้าน วาดแบบเสร็จลูกค้ารับไปก็จ่ายเงิน งานรับจ้างทำบัญชี ทำเสร็จก็จ่ายเงิน และยังมีอื่นๆอีกมากมาย ลองค้นในเน็ตดู
 
พยายามมองหางานที่ให้ตัวเราได้เจอสิ่งแวดล้อมที่ดีๆด้วย เพราะงานมันจะเป็นสังคมและชีวิตอีกชีวิตหนึ่งของเราในอนาคต   เราจะเจอเพื่อน หรือ คนรู้ใจ ก็จากงานนี่ล่ะ ตอนนี้วางแผนชีวิตให้ตัวเองให้ดีตามที่คิดน่ะ ถูกต้องแล้ว หากต้องการทำงานที่เราอยากทำก็ให้อธิบายเหตุผลให้แม่เข้าใจ กำหนดเป้าหมายให้ตัวเองเป็นข้อๆ และมุ่งมั่นทำมันให้สำเร็จ เช่น
 
  • ฉันจะต้องเก็บเงินให้ได้ 1 แสนตอนอายุ 25
  • ฉันจะต้องมีรถเดินทางไปทำงานเองให้ได้ ภายใน 2 ปี
  • ฉันจะเลิกขอเงินทางบ้านอีก 1 ปีข้างหน้า
  • ฉันจะได้มีชีวิตอิสระอย่างที่ตัวเองวางแผนเอาไว้โดยปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาใช้ชีวิตของเขาไป แค่นั้นก็เท่แล้ว
เลิกคิดเสียทีว่าชีวิตเรามันน้อยหน้ากว่าใครเขา เราโชคดีตั้งหลายอย่าง
 
  • เราได้เกิดเป็นผู้ชาย
  • เราได้มีอิสระไม่ต้องมีใครมาวุ่นวายอะไรกับชีวิตเรา ถ้าวันหนึ่งเราพึ่งตัวเองได้ เราจะใช้ชีวิตที่เราออกแบบเองอย่างมีคุณภาพโดยไม่ต้องมีใครมากวน
  • เรามีโอกาสได้บวชเรียนสิ่งนี้หลายคนไม่มีโอกาสเลย
  • เราได้เจอเรื่องราวที่ไม่ค่อยราบรื่น  ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้เรา เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตได้เร็วกว่าคนวัยเดียวกัน
  • เราโชคดีมาก เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ ชอบผู้ชายมีความคิดเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ล่ะ
สร้างกำลังใจให้ตัวเองแล้วก็ ลุยเลย !! เหนื่อยวันที่ยังมีแรง แต่เราจะแซงอีกหลายคนในวันข้างหน้า
 
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 299
วันที่เขียน
19 กันยายน พ.ศ. 2557 10:40:36
คำตอบที่ 2
ดูตรงนี้เพิ่มเติม
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=54
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
21 กันยายน พ.ศ. 2557 18:54:14
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร