ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เป็นหนี้
รายละเอียด
ดิฉันมีสามี คบมาได้สักระยะหนึ่งถึงได้รู้ว่าเค้าติดการพนัน วันนึงเค้าไปเล่นการพนัน เอารถยนต์ เอารถมอไชต์ ที่เป็นชื่อดิฉันทุกอย่างไปจำนำบ่อน แล้วห็หายไป พอทราบเรื่องดิฉันก็ตกใจมากไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะทรัพย์สินทุกอย่างเป็นชื่อดิฉันหมด ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าต้องทำอย่างไร ดิฉันถึงจะต้องรีบเอาสิ่งของ ของดิฉันกลับมาให้ได้ ซึ่งขณะนั้นประกอบกับว่าดิฉันทำงานหน้าที่การเงิน ดิฉันจึงเอาเงินของที่ทำงานไปเอาทรัพย์สินของดิฉันออกมาจากบ่อนการพนัน(ตอนนั้นรถดิฉันก็ยังคงผ่อนอยู่ ดิฉันคิดว่าถ้าไม่รีบเอาออกมา รถฉันจะต้องหายไป ฉันต้องเอาออกมาที่สุด ไม่งั้นถ้ารถหายไปดิฉันก็ต้องมานั่งผ่อนค่ารถกับบริษัทโดยที่ไม่มีรถ) ดิฉันจังไปเคลียร์ทุกอย่าง หลังจากนั้นเค้าก็กลับมาขอโทษ และบอกว่าจะช่วยรับผิดชอบ ดิฉันก็ให้โอกาศ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทำเรื่องเดิมอีก แล้วก็หายไปอีก ดิฉันก็แก้ปัญหาแบบเดิมอีก ทีนี้เงินที่เอามาก็เพิ่มมากขึ้นอีก หลังจากนั้นเค้าก็กลับมาอีก ดิฉันก็ให้โอกาศอีก ทำแบบนี้อยู่ 3 ครั้ง สุดท้ายเงินก็เพิ่มมากขึ้น เค้าก็บอกว่าจะช่วยรีบหามาคืน เค้าก็ทำงานน่ะค่ะ แต่เงินเค้าเหมือนไม่ค่อยเห็น เห็นบางเล็กน้อยๆ ทีนี้เมื่อรายจ่ายในครอบครัวจากก่อนหน้าตกลงกันว่าใครจ่ายอะไรบ้าง ในส่วนของเขา เขาก็ทำไม่ค่อยได้ ได้มาบ้างเล็กๆน้อยๆไม่พอกิน กลายเป็นว่าดิฉันต้องรับภาระคนเดียวทุกอย่างหมด ดิฉันถูกกดดันจากค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าดำรงชีวิตประจำวัน ค่ากินค่าใช้ลูก ทำให้ฉันต้องเอาเงินที่ทำงานมาเรื่อยๆ จนวันนึงที่ทำงานทราบเรื่อง และพบว่าจำนวนทั้งสิน 5 แสน ที่ทำงานให้คืนภายใน 3 เดือน หากไม่คืนจะดำเนินคดี ดิฉันบอกแฟน เค้าก็บอกว่าไม่รู้หาที่ไหน เค้าช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย ตอนนี้ดิฉันเครียดมาก สงสารลูก ดิฉันไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิต ตอนนี้แม่ดิแันทราบเรื่องแล้ว แต่ท่านก็ยากจนไม่รู้จะหาที่ไหน 1. ดิฉันเครียด อยากตาย ดิฉันไม่อยากอยุ่บนโลกนี้แล้ว 2.ดิฉันเป็นลูกที่เลวมากทำให้พ่อแม่ เสียใจ ดิฉันอยู่บนโลกนี้มา ไม่เคยทำให้พ่อแม่เสียใจเลย แม่แต่พ่อแม่ภุมิใจ มีแต่คนชม 3.ดิฉันโง่ ดิฉันผิด ดิฉันเกลียดตัวเอง 4. ดิฉันท้อแท้มาก ทุกคืนกินไม่ได้นอนไม่หลับ บางทีก็ออยากหลับไม่อยากตื่น
ความต้องการ
1. ดิฉันเครียด อยากตาย ดิฉันไม่อยากอยุ่บนโลกนี้แล้ว 2.ดิฉันเป็นลูกที่เลวมากทำให้พ่อแม่ เสียใจ ดิฉันอยู่บนโลกนี้มา ไม่เคยทำให้พ่อแม่เสียใจเลย แม่แต่พ่อแม่ภุมิใจ มีแต่คนชม 3.ดิฉันโง่ ดิฉันผิด ดิฉันเกลียดตัวเอง 4. ดิฉันท้อแท้มาก ทุกคืนกินไม่ได้นอนไม่หลับ บางทีก็ออยากหลับไม่อยากตื่น
ชื่อผู้ถาม
คนเลว
วันที่เขียน
6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 10:36:45
จำนวนคนเข้าดู
1876

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ปัญหาทุกอย่าง สามารถแก้ไขได้ และมีวิธีแก้หลายวิธี

ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด ทุกคนที่เกิดมาล้วนมีสิทธิมีโอกาสผิดพลาดกันทั้งนั้น มากบ้าง น้อยบ้าง รุนแรงบ้าง หนักบ้าง เบาบ้าง แล้วแต่คน แต่เมื่อเราทำผิดพลาดแล้ว เรารู้ตัวเอง เราพร้อมจะปรับปรุงตัวเอง นี่คือสิ่งที่ดี ไม่ใช่จมกับอดีต แล้วคิดจะทำร้ายตัวเอง แบบนี้ไม่ดีเลย เป็นการสร้างปัญหาซ้ำเติมปัญหาเดิม ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา

1. อย่าเสียดาย จังหวะนี้ คุณคงต้องเอารถหรือทรัพย์สินอื่น ๆ ที่มีในบ้านไปขายหรือไปจำนำแบบปล่อยทิ้ง อย่าเสียดาย ของนอกกาย หาใหม่ได้  ขายได้เท่าไหร่เอาเงินมาใช้หนี้หน่วยงาน ส่วนมันจะได้มากน้อยแค่ไหน ก็เอาไปคืนเขาก่อน แล้วก็คุยกับเขาอีกทีว่า ตอนนี้ เราหาได้แค่นี้ (เอาหลักฐานซื้อขายมาให้ดูด้วย) ขอเขา ขอผ่อนผันให้นานกว่านั้นหน่อย จะได้ไหม หรือขอให้ทำเป็นสัญญากู้ยืมก็ได้ (ถ้าเป็นกิจการเอกชน)

อย่าเสียดายของที่บ้าน ขายรถออกไป ขึ้นรถเมล์ก็ได้ อย่าติดมัน อย่าอายใคร ให้ลูกลำบากหน่อย ก็ไม่เป็นไร อดทนเอา อย่าอายใครที่ไม่มีรถ ไม่มีของประดับ

2. คุณต้องกล้าเปิดเผยทุกอย่างให้คนใน สนง.รู้  ยอมรับ ขอโทษ เราพลาดไป เมื่อเปิดเผยความจริงแล้ว ก็ทำใจ ใครจะด่า จะว่า จะนินทา ก็ปล่อยเขา อย่าโกรธเขา อย่าคิดเอาคืนเขา อย่าโต้ตอบไม่ว่ากรณีใด ๆ เพราะเราทำจริง ๆ แต่เราไม่ใช่คนที่ไม่ดีโดยกำเนิดแบบที่หลายคนอาจมอง เราแค่ต้องการปกป้องทรัพย์สินของตัวเอง จึงพลาดไปเอาเงินที่ไม่ใช่ของตัวเองไปใช้ไถ่ถอน

อย่าหลบใคร อย่าหนีใคร สู้ความจริง ใครถามอะไร ถ้าบอกได้ ก็บอก ถ้าบอกไม่ได้ก็บอกเขาไปว่า เราขอโทษ

การเปิดเผย ไม่ปกปิด จะทำให้คุณหมดแรงกดดัน ไม่สร้างแรงกดดันให้ตัวเอง ไม่ต้องโกหกใครด้วย

คนอื่นเขาฟังแล้ว จะไปดูต่ออย่างไร นั่นเป็นเรื่องของเขา ถ้ามีมีมารยาท ก็คงไม่ไปพูดอะไรมากความ เราไม่ต้องไปปกป้องตัวเรา ชื่อเสียงก็แค่สมมุติ ไม่มีอะไรเลย

 3. ปัญหาแค่นี้ คุณอย่าท้อแท้ อย่าคิดหนีปัญหาแบบจะทำร้ายตัวเองเลย อย่าทิ้งลูก ๆ ให้เศร้าสร้อยลำบาก

คุณต้องอยู่ ต้องสู้ ต้องอดทน เพื่อลูก ๆ เด็กไม่มีความผิดอะไร อย่าทำร้ายเขา การที่คุณหนีเขาไป นั่นคือการทำร้ายเขาแล้ว อย่าทิ้งเขาไป ต้องอยู่เลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด ช่วยเป็นกำลังใจให้เขาเติบโตเป็นคนมีคุณภาพในสังคมให้ได้ รอดูและคอยชื่นชมความสำเร็จของเขา

4. ปรับการเป็นอยู่ในบ้านใหม่ หาทางประหยัด ลดทอนรายจ่าย ให้ลูก ๆ ทุกคน (ถ้าพอรู้ความ) ได้รู้สถานการณ์ครอบครัว ไม่เคยก็ต้องฝึก ไม่ลำบาก ก็ต้องมาลำบากล่ะ เหนื่อย ก็ทน บ่นไปไม่เกิดประโยชน์อะไร

5. อย่าเกลียดตัวเองนัก อย่าคิดทำร้ายตัวเอง อย่าว่าเราโง่เหลือเกิน ให้คิดว่า ทุกคนมีสิทธิผิดพลาดได้  ก็ถือเป็นบทเรียนชีวิต

ทำใจให้เบิกบาน หนี้แค่นี้ สู้ได้นะ บอกตัวเองไว้ ถ้ามีหนี้ไม่ถึง 9 แสนล้าน ฉันจะไม่ท้อเด็ดขาด ให้คิดว่า เมื่อเราทำผิดพลาด เรายอมรับ และพร้อมจะปรับปรุงตัวเอง อย่าจมอยู่กับการต่อว่าตัวเอง เราต้องดึงตัวเองขึ้นมา และปรับปรุงตัวใหม่ให้ได้  หน่วยงานคุณให้โอกาสแล้ว ตอ้งขอบคุณทุกคน

6. กับสามี คุณอาจต้องพิจารณาแล้วว่า ถ้าอยู่กันแบบนี้ คิดหรือว่าจะไม่มีหนี้ใหม่เข้ามาให้เดือดร้อนอีก คุณจะตัดสินใจอย่างไร ก็คุยกับเขา เพราะเขาก่อปัญหาให้ แต่ช่วยแก้ให้ไม่ได้เลย สามีที่ติดการพนันแบบนี้ มีก็เหมือนไม่มี สู้ไม่ดี ยังดีกว่า  อยู่กับเขาต่อ ก็อาจจะจมทุกข์จมหนี้สินต่อไป หรือจะไปทางใครทางมันดี ก็คุยกันไปเลย ไม่ต้องเกรงใจ ความรัก ก็เป็นอย่างหนึ่ง แต่ชีวิตคนเรานั้น รักกันอย่างเดียวไม่ได้ รักไม่เป็น มันก็มีแต่ทุกข์ ไม่มีความสุข ไม่มีความปลอดโปร่งใจ คนรักกันต้องหาทางทำให้กันและกันมีความสุข มีความก้าวหน้า ไม่ใช่หาแต่เรื่องทุกข์ร้อนหนี้สินมาให้กันเรื่อย ๆ ไม่จบสิ้น

7. หลายคน ๆ ไม่ยอมรับความจริง ยอมรับไม่ได้ อาย ยอมเสียหน้าไม่ได้ ยอมเสียชื่อเสียงไม่ได้ จึงคิดหนีปัญหาแบบทำร้ายตัวเอง น่าเสียดายมาก

จริง ๆ เรายอมรับความจริงเสียก็จบแล้ว ไม่ต้องไปรักษาหน้าตาชื่อเสียงอะไร ผิดก็คือผิด พลาดก็คือพลาด เป็นหนี้นี่ ดีกว่าเราพลาดไปฆ่าคน การเป็นหนี้แม้จะมากแค่ไหน ก็ไม่บาปไม่ร้ายแรงเท่ากับไปฆ่าคนอื่นหรือฆ่าตัวเอง เพราะนั่นเราไปตัดโอกาสเจริญเติบโตของเขาเลย การที่เราหรือเขามีชีวิตอยู่ แสดงว่า เรา/เขามีโอกาสสร้างสรรค์ทำสิ่งดี ๆ ได้มากมายเลย ถ้าหมดลมหายใจเสียแล้ว ก็ไม่มีสิทธิทำอะไรได้เลย 

พระองคุลีมาล ทำสิ่งที่ร้ายกว่าคนหลายเท่าคือฆ่าคนนับได้ 900 กว่าคน ยังกลับตัวกลับใจมาปฏิบัติธรรม บรรลุธรรมได้เลย เราไม่ได้ฆ่าใคร แค่เป็นหนี้สิน เราต้องกลับได้ และกลับมาดีได้แน่นอน

8. กับพ่อแม่ เล่าความจริงให้ท่านฟังทุกอย่าง อย่าปิดบัง แล้วก็ขอโทษ ขอขมา เราพลาดไปจริง ๆ แม่พ่อจะด่าว่า ก็ให้ถือว่า เป็นสิ่งอันเป็นมงคล ไม่ต้องไปรั้นไปถือตัว ไม่ต้องไปอ้างโน่นนี่นั่น

ท้ายที่สุด เมื่อเราพยายามเต็มที่ทุกหนทางแล้ว  หากเราไม่สามารถหามาคืนให้เขาได้จริง ๆ ก็ไปมอบตัว ยอมให้เขาฟ้องร้อง รับสารภาพ ยอมติดคุกเสียก็เป็นการแก้ปัญหาอีกวิธีหนึ่ง เรายอมรับก็จบแล้ว ไม่ต้องฝืน

การติดคุก ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายอะไรนัก การติดคุก ถ้าถือว่า เป็นการชดใช้หนี้ให้หน่วยงาน ก็ถือว่าใช้ได้  เรายอมรับได้ แค่ 5 แสน คงติดไม่นานเกิน 10 ปีกระมัง การติดคุกก็ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง ไม่ต้องไปห่วงหน้าตาชื่อเสียงอะไรของเราหรอก ติดคุก ไม่ใช่ตกนรกหมกไหม้ในอเวจีเลยนะ ติดคุกสมัยนี้ ไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก

อย่ามองว่า การติดคุกคือสิ่งเลวร้ายเกินไป
ให้คิดว่า อย่างน้อยก็มีหนทางนี้ที่เราได้ชดใช้ในสิ่งที่เรากระทำมา
เมื่อออกมาจากคุกแล้ว เราก็สามารถเริ่มต้นอาชีพใหม่ได้ ไม่ต้องไปติดใจในอาชีพปัจจุบันที่ทำอยู่ หาอาชีพอื่นทำก็ได้

ส่วนเพื่อนร่วมงาน ใครจะคบกับเราต่อ ก็ดีไป ใครไม่คบ ก็ไม่ต้องไปว่าอะไรเขา
ช่างเขาเถอะ เราก็อยู่ของเรา เขาก็อยู่ของเขา

เพียงคุณถอดหัวโขนออก เพียงคุณคลายการยึดติดในใจออก เพียงคุณปล่อยวางได้ ละได้
ใจคุณจะเป็นอิสระ พร้อมจะอยู่กับสภาพจริง ไม่ต้องหนีปัญหา แต่จะคิดอ่านแก้ไขปัญหา

คุณอาจไม่ทราบ เดี๋ยวนี้ในคุกก็มีการถือศีล ปฏิบัติธรรม เรียนบาลี เรียนอภิธรรม นี่อาจถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตก็ได้
อย่ามองว่า ตัวเองเลว จนเกินจะมีชีวิตอยู่
อย่าเหยียบซ้ำตัวเอง จนลุกขึ้นไม่ได้
ถ้าเราสำนึก พร้อมยอมรับ พร้อมแก้ไข ใคร ๆ ก็ให้อภัยอยู่แล้ว

เมื่อเรามองทุกอย่างตามความเป็นจริง
ดูเหตุดูปัจจัยที่ทำให้เกิดสถานการณ์แบบนี้กับชีวิต ยอมรับมัน
พร้อมฟังทุกเสียงวิจารณ์ พร้อมปรับปรุงตัว ไม่เกิน 20 ปี คุณก็จะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ อย่างเข้มแข็ง อยู่เป็นกำลังใจให้ลูก ๆ ได้ต่อไป

ยอมรับความจริง ลุย สู้ อย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง

ก่อนนอนและก่อนออกจากบ้านทุกวัน ให้คุณเจริญสติภาวนา ตั้งใจแน่วแน่ฝึกสวดมนต์อย่างน้อย ๆ ก็บท นะโม บท อิติปิโส  สั้น ๆ แล้วแผ่เมตตาตั้งความปราถนาให้ทุกชีวิตในโลกนี้แคล้วคลาดปลอดภัย มีความสุข ไร้ทุกข์ภัย ทำทุกวัน ๆ
จะทำให้คุณเข้าใจความจริงของชีวิตว่า ทุกสิ่งอย่าง มันแค่สมมุติ ไม่ใช่สิ่งที่จะมายึดติด แล้วเอาความยึดติดนี้มาทำร้ายตัวเองเลย

ฟังและฝึกปฏิบัติตามนี้ทุก ๆ วัน ต่อเนื่องไป 2 ปี จะช่วยคุณได้แบบอัศจรรย์
http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143

คนคุกเรียนบาลี อภิธรรม
http://www.mahapali.com/main.php?url=news_view&id=121&cat=B

คนคุกเจริญมหาสติปัฏฐานภาวนา
http://www.mahapali.com/main.php?url=news_view&id=127&cat=B
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 21:59:26
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร