ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เรื่องน้องญาติที่ชอบโกหก
รายละเอียด
ขออนุญาติเรียกตัวเองว่าผมนะครับ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ(มันติดแล้วครับ) ผมมีน้องญาติคนหนึ่ง แม่เค้าตายเพราะเป็นโรคเอดส์ เค้าเลยได้มาอยู่กับผมพร้อมกับยายที่ต้องมาฟอกไตทุกอาทิตย์(ยายเป็นโรคไตครับ) ตอนนี้ก็อยู่มา เกือบสองปีแล้วล่ะ ตอนแรกๆผมก็คุยกับเค้านะ เปิดใจคุยกับเค้าเลย แต่พอหลังๆก็ไม่ได้พูดกันเลย พออยู่กับเค้าได้ไม่ถึงเดือน แม่ผมสังเกตว่าของเริ่มหาย แต่ก็ไม่เอะใจอะไร จนครั้งแรกที่ผมจับเค้าได้ คือ วันนั้นวันศุกร์ ยายกับน้องญาติผมจะกลับนอกเมือง(บ้านเก่าเค้า) แม่ผมให้เอาของมาใส่กระเป่ายาย ผมก็เปิดกระเป๋ายาย สิ่งที่ผมเจอคือ....เสื้อในผม กับหวีของพี่ผม ผมเลยตะโกนถามน้องเค้าเลย ว่าทำไมมันมาอยู่ในนี้ แม่ผมเลยจับมาเค้นความจริง(ตี) เค้าก้ยอมรับนะ นอกจากนี้เค้าก็ยังบอกว่าขโมยอะไรต่ออะไรไปเยอะและ แม่ผมเลยโทรไปหาป้าที่อยู่แถวบ้านเก่าเค้า ป้าเค้าบอกว่าน้องเค้าชอบไปบ้านเพื่อน ไม่อยู่กับบ้านช่อง ไปกินของในตู้เย็นเขาบ้าง ขโมยของจนเพื่อนบ้านระอาหมดแล้ว ยายผมก็ปกป้องเค้าตลอด จนตอนนี้ เค้าขโมยของในบ้าน(ของๆผมก็โดน) แม่จับได้ทั้งตีทั้งว่า จนเบื่อแล้วครับ จนแม่ไม่สนใจข้าวของแล้วครับ ยกเว้นของมีค่าจะเก็บไว้ในห้องนอน แล้วพฤติกรรมเค้าแบบว่าสุดๆเลยครับ เท่าที่ผมจำได้ ก็มีตอนหนึ่งเค้าเป็นเมน แม่ผมสอนวิธีใช้ผ้าอนามัย บอกให้ซักกางเกงในเวลามันเปื้อน แต่เค้ากลับหมกไว้จนห้องนอนเค้าเหม็นมากครับ จนแ่จับได้ ก็ตียกใหญ่เลย แล้วก็ถุงเท้าไม่ยอมซักเอามาหมกไว้อีก แล้วเค้าขโมยเครื่องคิดเลขไปด้วย แต่ผมก็เอากลับมาคืนจนไม่รู้ว่าตอนนี้มันอยู่ไหนแล้ว ตรงผนังบ้านด้านนอก เค้าเอาหมากฝรั่งไปป้ายไว้ แล้วก็อีกเยอะเลยครับ แม่ผมสอนอะไรไปเค้าไม่ค่อยจะทำเลย แต่ผมว่าเค้ายังดีที่ช่วยพายายไปห้องน้ำ แต่ผมไม่ชอบเวลาเค้าคุยกับยายเลย เค้าพูดจาเสียงดังใส่ยายผิดกับที่คุยกับคนอื่น ตอนนี้ พฤติกรรมที่แย่ที่สุดของเค้า คือการโกหก แม่ผมบอกให้เค้ากลับก่อน 5 โมงยกเว้นมีเรียนพิเศษ วันหนึ่งเค้าหายไปเลย แม่ผมไปตามที่โรงเรียน เค้ากลับอีกที ก็เกิน 6 โมงแล้ว วันนั้นเป็นวันที่เค้ากับยายต้องกลับบ้านเก่า เค้าบอกว่าครูให้ไปช่วยงาน แม่ผมเลยโทรไปเช็คกับครูเลย ครูบอกว่า เค้าไม่ได้มาช่วยอะไรเลยนะ เค้าเลยโดนชุดใหญ่ เค้าสารภาพว่า เค้าไปเล่นบ้านเพื่อนมา แล้วเดินกลับบ้านเอง หลังจากเค้าก็โกหกตลอด ช่วงที่มีงานประจำจังหวัด เพื่อนเค้าโทรมาหาแม่ผมเลยครับ บอกว่าจะให้เค้ามาทำงานกลุ่มที่โรงเรียน บอกว่าถ้าไม่มาช่วยงานจะโดนไล่ออกจากกลุ่ม แม่ผมเลยขอเบอร์ครูที่รับผิดชอบ เพื่อนเค้าบอกว่า ไม่ต้องโทรหรอกค่ะ ให้เข้ากลุ่มก็ได้ ผมไม่อยากเชื่อเลย ล่าสุดวันนี้ เค้ากลับบ้านช้า แม่ผมเลยไปตามเค้าที่่โรงเรียน แต่เค้ากลับมาก่อนที่แม่จะกลับ แม่ผมเลยให้เค้ามาคุยกับแม่ เค้าอ้างว่าเค้าซ้อมฟุตบอลที่โรงเรียน(ผมเพิ่งทราบว่าเค้าบอกแม่ว่าเค้าเข้าชมรมฟุตบอล บางครั้งจะมีแข่ง) แม่เลยแย้งไปว่า แม่เพิ่งไปโรงเรียนไปถามครูพละเลยว่ารู้จักน้องเค้ามั้ย? ครูพละเค้าไม่รู้จักชื่อนี้เลยครับ น้องเค้าแย้งมาว่าไม่ใช่ที่โรงเรียนที่เรียนอยู่ตอนนี้ แต่เป็นโรงเรียนที่เคยเรียนอยู่(อยู่นอกเมือง) โดยมีครูที่นั่นมารับส่ง แม่ถามชื่อ เบอร์โทร แม่เค้นเอาความจริง โทรไปถามคนที่อยู่ที่นู่น จนสุดท้ายเค้าบอกว่าไปบ้านเพื่อน ผมเลยสงสัยว่าอะไรเป็นความจริงกันแน่นะ แล้วแม่ยังรู้อีกเรื่อง คือ เรื่องที่เงินของเค้าก็หายไป 1000 บาท เค้าโกหกว่าทำหาย จนแม่เค้นเค้าจนได้เรื่องว่าเค้าเอาไปให้เพื่อนเพื่อซื้อน้ำหอม และโทรศัพย์มือถือ และมันไม่ใช่เงินของเค้า แต่เป็นเงินที่เค้าขอจากยายซึ่งแม่ผมเป็นคนให้ครับ และไม่ใช่ครั้งเดียวครับ ตอนนี้ผมยังไม่รู้อะไรอีก แม่ยังไม่ยอมบอกเรื่องที่แม่เพื่อนเค้าบอกว่าที่เค้าหายไปจริงๆแล้วไปที่ไหน ผมรู้คร่าวๆที่ฟังจากที่แม่พูดกับแม่เพื่อนเค้าว่า แสดงว่าหนีเรียนสิ ยังว่าอยู่ว่าเห็นกลุ่มเพื่อนเค้าแต่เรื่องผู้ชายกับเรื่องผู้หญิงขายตัวอะไรทำนองนี้ครับ ตอนนี้แม่เลยโทรไปหาน้าของแม่ ว่าจะให้น้องเค้าลองไปอยู่ด้วย เผื่อจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง ผมยังไม่อยากถามอะไรเพิ่มเติมครับ
ความต้องการ
ผมอยากรู้ว่าผมควรทำอะไรได้บ้างในฐานะลูก ผมสงสารแม่ครับ และสงสารน้องเค้าด้วย ตอนนี้ผมทนเห็นแม่กลุ้มใจไม่ได้แล้วครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงครับ ช่วยให้คำแนะนำผมทีครับ
ชื่อผู้ถาม
ลูกของแม่
วันที่เขียน
27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21:06:25
จำนวนคนเข้าดู
1456

คำตอบ

คำตอบที่ 1
1. ญาติของเราเอง เราต้องให้ความรักความเมตตาเขาให้มาก เขายังต้องเรียนรู้อีกมาก เขาคงขาดแคลนมาก ขาดแคลนทั้งความรัก ความสนใจจากคนอื่น เราให้ความรักเขา อยู่กับเขา เวลาคุยฝึกให้เขาสบตากับเรา กับใคร ๆ 
2. การตบตีเพื่อสั่งสอนนั้น มีแต่จะเพาะความรุนแรงให้เราและเขาไปเรื่อย ๆ น่าจะมีวิธีอื่นที่นุ่มนวลและทำให้เขาเชื่อมั่นว่า เขาสามารถเป็นดีได้ เพียงฝึกหัด อดทน เคารพในส่ิงของคนอื่น
3. ที่ผ่านมา เขาขโมยอะไรของเราของแม่ไป ก็คงไม่มากมายอะไร ในใจเราให้วางใจให้เบา แล้วบอกตัวเราเองว่า ยกให้เขาไปเถอะ แต่บอกเขา สอนเขาให้เข้าใจว่า นี่ไม่ใช่ว่า เราส่งเสริมเขาขโมยของใคร ถ้าอยู่ร่วมกันต่อไป ถ้ายังไม่เคารพของคนอื่นอีก เราจะมีมาตรการฝึกหัดอะไรให้เขา อย่าเบื่อหน่ายน้องเขา 
4. อย่าคิดว่า เราทำอะไรก็ถูกต้องทั้งหมด อาจมีสิ่งที่เราทำแล้วไม่ถูกก็มี เราต้องฟังเขาและปรับปรุงตัวเราด้วยเช่นกัน

ถ้าญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ไม่ช่วยเหลือกันเองแล้ว จะรอให้ใครมาช่วยเหลือล่ะ
เราต้องใจกว้าง ชีวิตยังอีกยาวนาน น้องเขาโตขึ้นวันข้างหน้า เขาอาจเปลี่ยนเปลี่ยนตัวเองได้และอาจสร้างสรรค์อะไร ๆ ที่ดี ๆ และงดงามให้เราให้โลกก็ได้
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 20:28:13
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร