ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

สับสนกับชีวิต
รายละเอียด
แต่งงานมา 3 ปี แล้ว มีลูกอายุ 1 ขวบ 8 เดือน สามีชอบกินเหล้า อาทิตย์ละประมาณ 2-3ครั้ง ปัญหาคือ สามีมีหนี้สินเยอะ( หนี้สินจากครอบครัวของเค้า) พอมีเงินก็จะไปกินเหล้า ไปต่างจังหวัด ไม่คิดจะใช้หนี้ แถมบางครั้ง ยังให้ดิฉันหายืมเงินคนอื่นมาให้เค้าหมุน ตอนก่อนยืมก็บอกจะส่งดอก ส่งต้นเอง แต่พอถึงเวลาก็ไม่ยอมส่ง เงินก็ไม่ให้แถมยังมาเอาอีก ช่วงนี้กลุ้มใจมากค่ะ รู้สึกเหมือนโดนเค้าเอาเปรียบตลอดเวลา ใจอยากเลิกกับเค้านะคะ แต่ติดเรื่องลูกเพราะเค้าไม่ยอมให้ลูกค่ะ ส่วนเรื่องเงินที่ไปหายืมมาให้เค้า ตอนนี้ก็ทยอยส่งต้นส่งดอกไปเรื่อยๆค่ะ ค่านมค่มแพมเพิส ดิฉันก็ต้องเป็นคนจ่ายเอง เงินเดือนหมื่นเดียว แต่ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ยังโชคดีที่ค่าเลี้ยงลูกไม่ต้องจ่าย เพราะแม่สามีเป็นคนเลี้ยงให้
ความต้องการ
จะทำยังไงให้สามีเห็นใจดิฉันบ้างคะ แล้วถ้าดิฉันมีเงินเก็บ แต่ไม่ให้เค้ายืม แล้วโกหกว่า ไม่มี จะบาป มากมั้ยคะ การเป็นภรรยาของสามีแบบนี้ควรทำตัวอย่างไรดีคะ
ชื่อผู้ถาม
คนสับสน
วันที่เขียน
3 ธันวาคม พ.ศ. 2556 23:22:00
จำนวนคนเข้าดู
1519

คำตอบ

คำตอบที่ 1
คุยกับเขาจริง ๆ จัง ๆ ว่า ถ้ายังใช้ชีวิตแบบนี้ มันจะลำบากนาน
เขาจะปรับตัวได้ไหม เพื่ออนาคตของครอบครัว ของลูก
แทนที่จะเสียเงินไปกับเหล้า ก็เก็บเงินนั้นไว้ให้ลูกดีกว่า อย่างน้อย ๆ เก็บอาทิตย์ละ 2000 พัน 3000 พัน สิ้นเดือนก็มีเงินเพิ่มไม่น้อย

คนจำนวนมากในประเทศนี้ แม้จะรู้ตัวเองว่า แทบไม่มีกิน แต่ก็ยังหาเงินเพื่อเอาไปมอบให้เจ้าของโรงเหล้าโรงเบียร์อยู่ไม่หยุด เขาไม่รู้ว่า เจ้าของโรงเหล้าโรงเบียร์ในประเทศนี้นั้นรวยล้นเกินพอแล้ว มีเป็นหมื่นเป็นแสนล้านแล้ว เราไม่ต้องหาเงินไปมอบให้เขาอีกแล้ว อย่าไปสงสารเขานักเลย หาเงินแล้วเอามาไว้ใช้จ่ายในครอบครัวดีกว่า

กินเหล้าทำให้สนุก คึกคัก ห้าวหาญ เสียงดัง ไม่เกรงกลัวใคร ไม่อายใคร เรียกว่า ขาดสติ 
พอสร่างเมา ข้าวจะกินแทบไม่มี ลนลานหงุดหงิน เสียงดังกับคนในครอบครัว เงินก็ไม่มีเหลือ

ตัวคุณเอง แนะนำว่าให้สวดมนต์ เจริญภาวนา แผ่เมตตาทุกวัน ๆ ก่อนนอน
ไปวัดบ่อย ๆ ไปกราบพระประธานในโบสถ์ นั่งหลับตาทำใจให้สงบนิ่งสักพักใหญ่ ๆ แล้วพิจารณาว่า.... ชีวิตคนเราไม่แน่นอน มีเกิดแก่เจ็บตาย มีพบมีพลัดพราก หาความเที่ยงแท้ถาวรไม่ได้
เรากับเขา เมื่ออยู่ด้วยกันแรก ๆ ก็รัก เมื่อนานวันก็คลายรัก และเริ่มเฉย  ๆ บางครั้งอาจชิงชัง เบื่อหน่าย อยากหนีจากไปให้พ้น อยากเลิกรา .....นี่คือความจริงหนึ่งของชีวิตคู่

ชวนเขาไปด้วย  ทำแบบนี้ไปสัก 1 ปี น่าจะดีขึ้น ถ้าเขาไม่ไปกินเหล้าแล้วเกิดอุบัติเหตุร่างกายพิกลพิการเสียก่อน

1 ทำไง สามีจะเห็นใจเรา รักครอบครัว ช่วยกันทำมาหากิน ช่วยกันเก็บรักษาทรัพย์สินเงินทอง  มันอยู่ที่จิตสำนึกเขา เขามองโลกมองชีวิตกว้างไกลพอไหม หรือว่า ยังสนใจความสนุกเฉพาะหน้าไปวัน ๆ อนาคตของคนที่ทำตัวแบบนี้ไม่มีอย่างอื่นนอกจากลำบากยากจน และคนที่อยู่ด้วยก็ลำบากเช่นกัน หลายคนกว่าจะสำนึกได้ ก็กินเหล้าจนเกิดอุบัติเหตุขาหักแขนหักไปแล้ว ซึ่งน่าเสียดายมาก

อย่าโทษเวรกรรมอะไร ลองดูไปก่อน 

2 การโกหกแบบที่คุณว่ามา ไม่ได้บาปมากเลย เพราะเราไม่ได้ทำให้เขาเสียหาย

เพื่อให้ใจเราเข้มแข็ง สงบเย็นบ้าง ให้ฝึกหัดเจริญภาวนาตามนี้ทุกวัน ฟังตรงนี้ http://www.buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143
 
 
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99
วันที่เขียน
4 ธันวาคม พ.ศ. 2556 08:47:35
คำตอบที่ 2
สวัสดี คุณสับสน

อาจารย์ขออนุญาตเสริมคำแนะนำ ดังนี้ครับ

1."ถ้าดิฉันมีเงินเก็บ แต่ไม่ให้เค้ายืม แล้วโกหกว่า ไม่มี จะบาป มากมั้ยคะ"
ตอบ บาป คือ การกระทำที่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเสียหายและเดือดร้อน ถ้าคุณสับสนเอาเงินให้สามีไปจะมีผลกระทบ คือ
- สามีนำเงินไปใช้ในทางที่ผิด เช่น นำไปกินเหล้า ทำให้ผิดศีล ๕ ข้อสุราฯ ยิ่งเป็นบาปมากกว่าครับ
- ตัวคุณสับสน เอง ก็เดือนร้อนเพราะไม่มีเงินใช้จ่ายในบ้าน
ซึ่งเข้าข่ายทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือนร้อนครับ

อย่างไรก็ตาม อาจารย์แนะนำว่าควรหาที่เก็บเงินหรือสมุดบัญชีให้เป็น "สัดส่วน" นิดนึง เพื่อป้องกันสามีค้นพบว่าคุณสับสนมีเงินแต่โกหกเค้าว่าไม่มีครับซึ่งจะเป็นปัญหาภายหลัง

2.คุณสับสน ควรสร้างพื้นฐานของ "จิตใจ" ให้มีพลังก่อน ด้วยการ สวดมนต์ไหว้พระ ทุกวัน  โดยตั้งสัจจะบารมีกับตนเองว่า "ฉันจะสวดมนต์(บทอะไรก็ได้  เช่น พาหุงมหากา จะดีมาก)  ติดต่อกันทกวันให้ได้ 3 วัน "  หลังสวดจบก็แผ่เมตตาให้กับสามีให้เค้ามีความสุข มีสติ   แผ่ให้ลูกของคุณสับสนให้เป็นเด็กดี
เมื่อทำได้ติดต่อกัน 3 วัน แล้วก็ขยายเพิ่มขึ้นเป็น 7 วัน  10 วัน 30 วันทำไปเรื่อยๆๆๆๆ
ถ้าทำได้เช่นนนี้  คุณสับสนจะมีจิตใจที่มีพลัง คิด พูดทำสิ่งใดจะมีความเข้มแข็งและมีความชุ่มเย็น  เมื่อสร้างบารมีในข้อ 2 นี้ได้สัก 1-2 เดือน แล้ว ทำต่อไปในข้อ 3

3.ให้นำกระดาษ มาเรียบเรียงภาระทางบ้าน  อนาคตของลูก  อนาคตของครอบครัว  ว่ามีเป้าหมายอย่างไร  และต้องมีค่าใช้จ่ายที่ต้องหาเข้ามาเท่าไหร่ต่อเดือน   เมื่อเรียบเรียงได้เเล้ว ลองหาโอกาสไปปรึกษาหารือกับสามี    โดยให้การพูดคุยเป็นไปทำนองปรึกษาหารือกันนะครับ ไม่ใช่เอาไปตราหน้าสามีว่าไม่รู้จักหาเงินเข้าบ้านนะครับ   จุดสำคัญ คือ ชี้ให้เขาเห็นว่า อนาคตของลูกสำคัญ  แล้วสามีภรรยาจะวางแผนรองรับอย่างไร   แค่ทิ้งโจทย์ไว้ให้สามีนำกลับไปคิด   ซึ่งเขาคงคิดไม่ได้ในวันนั้น   แต่อย่างน้อยเป็นการกระตุ้น ความเป็นลูกผู้ชาย ที่ต้องเป็นผู้นำ  การที่เขาลอยชายไปมา(ในสายตาของคุณสับสน) อาจเป็นเพราะเขาไม่เห็นภาพของชีวิตในระยะยาว จึงแสวงความสุขในระยะสั้นๆ   ดังนั้น ลองกระตุ้นชีวิตสามี ด้วยการฉายภาพในระยะยาวของชีวิตโดยการเอาอนาคตลูกมาเป็นตัวชูโรง (ถ้าสามีเป็นคนรักลูกด้วยจะเห็นผลมาก)

4.คุณสับสน ควรประเมินรายรับ-รายจ่าย สำหรับครอบครัว ล่วงหน้า 1-3 ปี ว่าจะต้องมีรายรับเท่าไหร่ และควรมีเงินเก็บเป็นอย่างไร จากนั้น ควรเริ่มเตรียมตัวออมเงิน+หารายได้ทางอื่น(ความเสี่ยงต่ำ)เพิ่มเข้ามา     ข้อนี้เป็นการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าเพราะเป็นการไม่ประมาทในชีวิตครับ  วันนึงที่เราต้องใช้เงินจะได้มั่นใจในสถานภาพของตนเองครับ  คนเงินเดือนหมื่นเดียว ถ้าเก็บเป็นใช้เป็นก็สร้างอนาคตได้ครับแม้ช่วงนี้จะมีตัวดึงเงิน คือ สามี อยู่บ้างก็ตาม

ข้อฝากข้อคิดไว้ครับว่า จะทำอะไรใจต้องดีก่อน ใจต้องมีพลังก่อน จึงจะทำได้สำเร็จ.... คำแนะนำในข้อ 2 คิอ โจทย์แรกๆที่ควรเริ่มทำครับเพราะมันจะเป็นตัวส่งมาที่ ข้อ 3,4 ลองดูครับ
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 399
วันที่เขียน
4 ธันวาคม พ.ศ. 2556 09:07:20
ทั้งหมด 2 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร