1. ทุกคนก็ผิดพลาดได้ โดยเฉพาะคนที่ไม่เรียนรู้ ไม่ศึกษา ไม่อ่าน ไม่ฟัง ไม่เปิดใจกว้างรับฟังเสียงแนะนำเสียงวิจารณ์ แต่ในฐานะเขาเป็นน้องเรา เราต้องให้กำลังใจเขาไปเรื่อย ๆ เราอย่าท้อแท้ อย่าฉุนเฉียว เราต้องชวนเขาไปทำกิจกรรม ไปวัด ไปทำบุญแบบนั้นใช้ได้แล้ว
2. พยายามให้เขาเข้าใจว่า การทำบุญนั้นมี 3 ประเภท คือ ทาน ศีล ภาวนา
ทาน นั้น ก็อย่างที่เขาทำ คือตักบาตร ถวายทาน แบ่งปันสิ่งของให้คน แบบนี้ก็จัดเป็นทาน ซึ่งทำได้ง่าย
ศีล ก็คือการรักษาศีล 5 นั่นแหละ คนมีศีล 5 จะมีความสุขโดยธรรมชาติอัตโนมัติ อยากมีความสุข ก็ต้องเข้าใจศีลให้ดีและรักษาให้ดี ซึ่งสามารถทำได้ไม่ยากนัก
ภาวนา จะยกระดับจิตใจอีกขั้น คือการเจริญจิตภาวนา ให้จิตใจรู้เท่าทันความเป็นจริงของสังขารของโลกของชีวิต ซึ่งจะทำได้ยากที่สุด
ลำพังแค่ทำทาน แต่ไม่มีศีล ไม่เจริญภาวนา ความสุขก็จะมีน้อยหน่อย
บอกน้องว่า เวลาทำทาน อย่าไปคิดว่า ทำแล้วจะทำแล้วเงินทองจะไหลมาเทมา ให้คิดว่า ให้เราได้ฝึกหัดละความตระหนี่และได้ช่วยกันต่ออายุพระศาสนา ศาสนาก็จะคงอยู่ยาวนานให้ประโยชน์สำหรับคนที่จะเกิดมาในยุคต่อ ๆ ไป
และให้เขาเข้าใจว่า คนเราจะสุขจะทุกข์ ก็เพราะการกระทำของตัวเองใน 3 ช่องทาง คือ ทางร่างกาย ทางปาก และทางใจ จึงเป็นหน้าที่ที่คนนั้น ๆ จะต้องฝึกหัดฝึกปฏิบัติดูแลด้านร่างกายตัวเอง ด้านการพูดจาของตัวเอง ด้านการคิดการนึกของตัวเองให้ดี
3. หาโอกาส พาน้องไปเจริญภาวนาที่สำนักปฏิบัติธรรมใกล้บ้าน
วิธีการเตรียมตัวนั้น ลองดูตรงนี้
http://bhaddanta01.blogspot.com/
การเรียนหนังสือ การอ่านหนังสือ การฟังธรรม ก็เป็นการหาความรู้ ทำความเข้าใจระดับต้น ส่วนการภาวนา จะเป็นการลงมือเพื่อจัดการชีวิตเราเลย ถ้าทำต่อเนื่อง จะมีผลในระยะยาว คือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเราไปได้เด็ดขาด การภาวนา จะทำให้จิตใจสงบขึ้น พฤติกรรมการพูดจา การคิด จะนุ่มนวลและละเอียดขึ้นอย่างมาก จะมีความเข้าใจโลกมากขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น ในการใช้จ่ายการบริโภคสิ่งของต่าง ๆ ก็จะมีความสมเหตุสมผลมากขึ้น จะมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์มากขึ้น จะไม่โลภมาก จะไม่สนใจไปแย่งชิงอะไรกับใคร นี่คือประโยชน์ของการภาวนา
พาน้องไปเจริญภาวนาบ่อย ๆ ให้มีเวลาให้ต่อเนื่อง น้องจะมีความสุข และคนรอบข้างน้องก็จะพลอยได้รับความสุขไปด้วย เด็ก ๆ ที่จะเติบโตมาก็จะเห็นเป็นแบบอย่าง เขาก็จะมีความสุขตามไปด้วย
11 ธันวาคม พ.ศ. 2556 10:44:18