โครงการสายด่วนชาวพุทธ (Buddhist Hotline) สังคมแห่งพรหมวิหารธรรม
เกิดขึ้นจากความเชื่อที่ว่า สังคมชาวพุทธเป็นสังคมแห่งพรหมวิหารธรรม กล่าวคือเป็นสังคมที่คนในสังคมไม่ว่าจะมีอายุ เพศ วัย เชื้อชาติ สัญชาติ ฐานะหรืออาชีพอย่างไร มีเมตตารักใคร่กลมเกลียวกัน มีกรุณาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีมุทิตาชื่นชมยินดีในสิ่งดีงามของกันและกัน และอุเบกขาเคารพในกติกากลางของสังคมที่วางไว้เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
หากคนในสังคมประสบปัญหา มีความทุกข์ยากต่าง ๆ ในชีวิต เช่น เครียด เศร้า เหงา อกหัก อยากตาย ตกงาน ไม่มีกิน สิ้นหวัง หนี้สินรุงรัง ธุรกิจเจ๊ง ชีวิตล้มเหลว ติดยา ลูกเกเร คู่ครองนอกใจ แฟนมีกิ๊ก มีปัญหาชีวิต มีปัญหาครอบครัว ฯลฯ พุทธธรรมคือพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ควรจักได้มีส่วนเข้าไปช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ พระอาทิตย์ส่องแสงสว่างไปทั่วทุกทิศ พระธรรมของพระพุทธองค์เป็นโอสถชั้นเลิศ ก็ควรได้ส่องเข้าถึงทุกชีวิตเช่นกัน
โครงการสายด่วนชาวพุทธจัดตั้งและดำเนินงานโดยกลุ่ม “พุทธศาสตรบัณฑิต 41” ซึ่งเป็นศิษย์เก่าที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อปีการศึกษา 2539 (ขณะนั้นเรียกว่า มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์)
คำขวัญสายด่วนชาวพุทธ
กิจโฉ มะนุสสะปฏิลาโภ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องง่าย
ความสำคัญของคำขวัญนี้
พระพุทธพจน์นี้ “กิจโฉ มะนุสสะปฏิลาโภ” แปลว่า “การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องง่าย” เนื่องจากชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งเลอค่า สามารถพัฒนาให้บรรลุความสมบูรณ์สูงสุดคือพระอรหัตได้ หมายถึง เมื่อคนเราได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์แล้ว ควรที่ทุกชีวิตจะใช้อัตภาพนี้พากเพียรเพื่อให้เข้าถึงอริยทรัพย์กล่าวคือ มรรค ผล นิพพาน อันเป็นจุดสิ้นสุดทุกข์อย่างแท้จริง ทั้งนี้จะเข้าถึงเร็วหรือช้าย่อมเป็นไปตามความสามารถของแต่ละบุคคล
ความปรารถนาสูงสุดของโครงการคือ เกิดสังคมแห่งพรหมวิหารธรรม ไม่มีคนฆ่าตัวตาย และไม่มีการทำลายทำร้ายกันไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ๆ
วัตถุประสงค์สายด่วนชาวพุทธ
1. เพื่อให้คำปรึกษาแก้ปัญหาชีวิตทางโทรศัพท์และทางเว็บไซต์แก่บุคคลทั่วไปโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางเพศ อายุ วัย สถานะ ฐานะหรือศาสนาใด ๆ
2. เป็นศูนย์พักพิงและฟื้นฟูสภาพจิตใจในระดับเบื้องต้นสำหรับทุกชีวิตที่มีปัญหา (ระยะยาว)
3. เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่ประสบปัญหาวิกฤตต่าง ๆ (ระยะต่อไป)
4. เพื่อศึกษา เสนอแนะ พัฒนา และส่งเสริมการสร้างสังคมแห่งพรหมวิหารธรรม
การดำเนินงานของโครงการสายด่วนชาวพุทธ
1. โครงการสายด่วนชาวพุทธ ได้จัดเตรียมโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง และเลขหมายโทรศัพท์ 9 เลขหมายทั้ง 3 เครือข่ายหลักของประเทศ เพื่อให้คนทั่วไปโทรมาปรึกษาปัญหาชีวิตต่าง ๆ โดยคณะทำงานจะคอยเติมเงินเข้ามือถือเป็นระยะ ๆ พร้อมกันนี้ก็ได้เปิดเว็บบอร์ดขึ้นในเว็บไซต์สายด่วนชาวพุทธให้เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการให้คำปรึกษาด้วย
(ตั้งแต่พฤษภาคม 2558 เป็นต้นไป ปรับเลขหมายให้คำปรึกษา เหลือ 4 เลขหมาย)
2. โครงการสายด่วนชาวพุทธ ได้นิมนต์พระอาจารย์และอาจารย์ฆราวาสผู้มีประสบการณ์ในการศึกษาและปฏิบัติธรรม มีประสบการณ์ในการสอนวิปัสสนาและเทศนาแก่บุคคลต่าง ๆ อย่างน้อย 10 ปี เพื่อให้ท่านรับสายโทรศัพท์ให้คำปรึกษาแก่บุคคลต่าง ๆ ที่โทรเข้ามา นอกจากนี้ท่านยังมีเมตตาตอบปัญหาให้คำปรึกษาแก่คนที่เขียนปรึกษามาทางเว็บไซต์ สายด่วนชาวพุทธด้วย
ผู้ให้คำปรึกษาของโครงการสายด่วนชาวพุทธ
1. เป็นพระอาจารย์ผู้เพียบพร้อมด้วยปริยัติและปฏิบัติ ต้องการช่วยแนะนำทางสว่างสำหรับทุกชีวิตตามแนวทางแห่งพระพุทธศาสนา
2. เป็นคณะอาจารย์ผู้เข้าใจโลก เข้าใจหลักธรรม มีประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรม ผ่านหลักสูตรอบรมเพื่อให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
3. คณะผู้ให้คำปรึกษา จะให้คำแนะนำแก้ปัญหาชีวิตอิงตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น ไม่มีการให้คำแนะนำในเรื่องดวงชะตา ฤกษ์ยาม สะเดาะเคราะห์ เครื่องรางของขลัง ราหู โชคลาภ เสี่ยงดวง ใบ้หวย การเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล โหงวเฮ้ง ทำนายลักษณะ ฯลฯ หรือความเชื่อใด ๆ นอกแนวทางของพุทธศาสนา
4. คณะพระอาจารย์ผู้ให้คำปรึกษาทุกท่าน มีเมตตาช่วยเหลือแนะนำทุกคนโดยไม่มีค่าจ้างหรือสิ่งตอบแทนใด ๆ
5. คณะพระอาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา ไม่มีการเรี่ยไร ไม่แจกซองกฐินผ้าป่าใด ๆ ทั้งสิ้น
ทูตสายด่วนชาวพุทธ
ทูตสายด่วนชาวพุทธ หรือ Buddhist Hotline Ambassador มีหน้าที่แนะนำและเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปสนใจกิจกรรมและโครงการสายด่วนชาวพุทธ ตลอดจนให้กำลังใจแก่บุคคลทั่วไปในการต่อสู้กับปัญหาชีวิตที่กำลังเผชิญอยู่
ทุก ๆ ปี จะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงของประเทศที่มีศรัทธาในพุทธธรรม มีความสนใจในการศึกษาและปฏิบัติธรรมมาร่วมทำงานกับโครงการโดยรับเชิญเป็น “ทูตสายด่วนชาวพุทธ ประจำปี...” หรือ “Buddhist Hotline Ambassador ….”
สำหรับปี พ.ศ.2556-2558 คุณนุศรา ประวัณนา (หลิน) ดารา นักแสดงชื่อดัง ให้เกียรติรับเป็นทูตสายด่วนชาวพุทธคนแรกประจำโครงการ ซึ่งต้องขอบคุณอย่างสูงยิ่งมา ณ โอกาสนี้