ปรึกษาปัญหาชีวิต (สำหรับเจ้าของกระทู้)

เรื่องเรียนเครื่องเคียง
รายละเอียด
คือหนูมีเรื่องจะปรึกษาหน่อยค่ะ. ช่วงนี้หนูเรียนหนักมากทั้งเหนื่อยทั้งเครียดต้องตื่นเช้าไปเรียนเเล้วต้องเรียนพิเศษทุกวันไม่เว้นเสาอาทิดเพราะปีหน้าหนูต้องเตรียมตัวสอบ ตัวหนูเองก็ไม่ได้เป็นคนเรียนเก่งเเต่อย่างไรหนูต้องพยายามกว่าคนอื่นเขาหลายเท่า ช่วงวันหยุดหนูก็เคยขอพอเเม่ไปเที่ยวบ้างเพราะคิดว่าหากเราลองผักผ่อนสักวันใช้เวลากับครอบครัวจิตใจเราคงสงบมากยิ่งขึ้นเเต่พ่อเเม่กลับไม่เข้าใจหนูทุกครั้งท่านมักจะพูดเเต่เรื่องเรียนมหาลัยมันเลยทำให้หนูรู้สึกกดดันตัวเองเเต่หนูก็เข้าใจท่านว่าท่านหวังดีเเต่หนูรู้สึกว่ายิ่งท่านทำเเบบนี้มันยิ่งทำให้หนูคิดว่าหากเราสอบไม่ได้ละท่านจะผิดหวังในตัวเราบ้างไหมทุกครั้งที่หนูคุยกับพ่อเเม่ทั้งท่านทั้งสองมักจะไม่ค่อยเข้าใจหนูเลยว่าหนูก็ต้องการความรักความอบอุ่นเหมือนกัน หนูเลยไม่รู้จะทำไงให้หนูหายเครียดเรื่องเรียนจะไปเที่ยวกับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันก็ไม่ค่อยจะมีเวลาหนูเเค่อยากให้พ่อเเม่มอบเวลาให้หนูบ้างเข้าใจหนูบ้าง
ความต้องการ
อยากจะหาวิธีให้หายเครียดเเละหนูอยากรู้วิธีที่จะคุยกับพ่อเเม่อย่างไงให้ท่านเข้าใจเรา หากไปเที่ยวกับครอบครัวไม่ได้้หนูควรทำไปสถานที่ไหนดีที่ปลอดภัยเเละมันทำให้หนูหายเครียด
ชื่อผู้ถาม
นิด
วันที่เขียน
2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21:28:49
จำนวนคนเข้าดู
1210

คำตอบ

คำตอบที่ 1
ถ้าขมวดคิ้วอยู่ หรือหน้าเสณ้าหมอง ผ่อนคลายเสียก่อนนะ ใจเย็นๆ ทางข้างหน้ามีอะไรเครียดกว่านี้อีกเยอะ บางทีพ่อแม่อาจจะไม่รู้ตัวว่ากำลังกดดันเราอยู่ พ่อแม่หลายครอบครัว ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตน และคาดหวังมากล้น จนลืมใส่ใจในรายละเอียด ใส่ใจความรู้สึกของเราไป ชอบความคิดของเราตรงที่เราถามว่า "หนูควรทำไปสถานที่ไหนดีที่ปลอดภัย" แสดงว่าเราถูกปลูกฝังมาอย่างดีมากนะ เรารู้จักเป็ฯห่วงตัวเองเรามีความใส่ใจตัวเองและเข้าใจพ่อกับแม่ดีว่าอยากให้เราปลอดภัย หรือจะกลัวโดนตำหนิอะไรก็ตามแต่ ปกติพ่อกับแม่มีเวลาอยู่ที่บ้านกับเราบ้างมั้ย ไม่จำเป็ฯต้องไปไหนกันไกล บางทีท่านก็ทำงานหนักมากกว่าเราเรียนกระมัง เวลาอยู่บ้านที่มีน้อยนิด ก็คงอยากจะพักผ่อน ปกติท่านเปิดโอกาสให้เราพูดหรือถามไถ่อะไรเราบ้างมั้ย หรือถ้าไม่ ลองพูดกับท่านเพราะๆ มีน้า อา หรือญาติพี่น้องคนอื่นที่พอปรึกษาได้มั้ย มีอะไรคุยกับพ่อแม่โดยตรง อย่าให้ท่านได้ยินว่าเราไปพูดกับคนอื่น ท่านจะยิ่งไม่พอใจถ้าได้ยินว่าเราเครียดเพราะท่าน ท่านเคยบอกมั้ยว่ามองให้เราเป็นอย่างไรในอนาคต อย่างไรเสีย ถ้าการกดดันตัวเองทำให้สมองเราไม่ปลอดโปร่ง ทำเท่าที่ทำได้ทำเท่าที่เราสุข บางครั้งเพิกฌแยต่อคำตำหนิ คำกดดันเหล่านนั้นบ้างก็ดี หากิจกรรมที่เราชอบ ที่เป็นแรงบันดาลใจตามวัยของเรา เช่น อ่านหนังสือแนวที่ชอบ เล่นดนตรี ร้องเพลง เล่นเกม งานฝีมือ อะไรก็ตามแต่ ถ้าทำได้ที่บ้านก็ดี ปลอดภัยแน่ๆ แต่ถ้าจะออกไปข้างนอก ลองหากิจกรรมอะไรที่ต้องเข้าร่วมกับคน กับสังคม ดูมั้ย ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนด้วย พ่อแม่จะได้ไม่ขัด โครงการเข้าค่ายเพื่อการศึกฯา เดี๋ยวนี้มีเยอะ บางทีพ่อแม่ท่านอาจจะสอนให้เราโตเป็ฯผู้ใหญ่ ที่ท่านห่างเหินไม่สนใจ แต่ลึกๆพ่อแม่ล้วนหวังดีกับลูกทั้งนนั้น ถ้าท้ายที่สุดเราทำได้ไม่ดีเท่าที่ท่านคาดหวัง มันก็ไม่ใช่ความผิดของเรา การคาดหวังก็เป็นทุกข์ เมื่อไม่ได้ดังหวังก็เป็นทุกข์ ท่านไม่ได้ดังหวังนนั้น ก็ใช่ว่าเราทำบาปเสียเมื่อไหร่ เพียงแต่เราไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดี คบเพื่อนดีๆ สิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์กับเรา ไปจนวันที่ไม่มีพ่อกับแม่แล้ว เมื่อถึงจุดที่ต้องเจรจาก็จำเป็นต้องทำ ให้เพียงนึกไว้ว่า ท่านรักเรา ท่านห่วงเรา เพียงแต่ท่านไม่เข้าใจเรา คุยกับท่านให้นอบน้อมที่สุดบอกท่านว่าเราไม่มีความสุขยังไงเราอยากได้ความรักจากท่านยังไง หากคุยแล้ว ถ้ารู้ตัวเองว่าเริ่มมีอารมณ์หรือท่านเริ่มไม่อยากสนทนา ก็ให้หลีกหนีจากสถานการณ์นั้นก่อน ใจเย็นๆนะ ทำหน้าที่ของเราไปก่อน ปล่อยท่านทำหน้าที่ของท่านไปของท่าน เป็นโอกาสของเราไม่ใช่หรือ ที่จะได้หาแรงบันดาลใจ หาสิ่งที่ฝันอยากทำ (งานอดิเรก) เผื่อจะเกิดไอเดียอะไรดีๆก็ได้นะ
ชื่อผู้ตอบ
อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 299
วันที่เขียน
3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 20:38:47
ทั้งหมด 1 รายการ
1 / 1
อ่านป้ายฉลากยา 10,000 รอบ แต่ไม่กินยา มันก็คงรักษาโรคอะไรไม่ได้
เช่นกัน แม้ว่าจะอ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ฟังเทศน์ 10,000 เรื่อง ปรึกษาผู้รู้ 10,000 คน ประโยชน์ก็มีเพียงน้อยนิด
หากเราไม่ลงมือทำ ไม่ลงมือปฏิบัติ ไม่พยายามทำ การมัวแต่คิดอยากให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไปเฉยๆ จะมีผลสำเร็จอะไร